วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2558

18 ม.ค. 2558 เล่าเรื่องวิ่งจอมบึงมาราธอน ครั้งที่ 30


เป็นอีกหนึ่งตำนานมาราธอนที่จัดมายาวนานถึง 30 ปี ผมมาร่วมงานนี้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ลงวิ่งมาราธอนระยะเต็มทั้ง 2 ครั้ง ครั้งที่แล้วทำเวลาอยู่ที่ 4 ชม. 17 นาทีตอนนั้นดีที่สุดตั้งแต่วิ่งมา สำหรับปีนี้เดินทางมาคนเดียวพร้อมกับกุ้งย่าง+น้ำจิ้ม 1 โถใหญ่ไปหาข้าวเหนียวข้างหน้ากับพี่ๆ ที่เดินทางมาก่อนแล้ว การเดินทางใช้เส้นทางที่ใกล้ที่สุดคือขึ้นทางด่วนบางนา ไปลงยมราช แล้วขึ้นสะพานพระราม 8 ต่อคู่ขนานลอยฟ้าบรมชนนี ลงคู่ขนานมามีงานก่อสร้างถนนและสะพานตลอดทางมีรถติดเป็นพักๆ ตั้งแต่พุทธมณฑล สาย 4 จนสุดเมืองนครปฐมเลยใช้เวลาประมาณ 2 ชม.ครึ่ง (ออกเดินทางบ่ายโมงครึ่งถึงจอมบึงสี่โมงเย็นพอดี) มาช้าต้องรีบหาที่จอดรถเดี๋ยวจะไม่มีที่ให้จอดพยายามหาที่จอดที่ใกล้จุดกางเต๊นท์และใกล้จุดปล่อยตัวที่สุดคือริมสระน้ำ(ที่เดิมเมื่อปีที่แล้ว) ที่จอดรถริมทางนั้นแน่นหมดแต่พอดีเหลือบเห็นในบริเวณบ้านพักครูมีที่พอจะจอดได้อยู่ก็เลยเข้าไปจอดแบบไม่ได้ขออนุญาตซึ่งเข้าใจเอาเองว่าสถานการณ์แบบนี้อาจารย์คงจะไม่ว่าอะไร 555 จอดรถเสร็จจองที่กางเต๊นท์เสร็จก็ไปรับเบอร์รับเสื้อซึ่งใช้เวลาไม่นานรวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม

พี่ๆ ที่มาก่อนไปจองที่พักไว้อีกที่ซึ่งไกลจุดปล่อยตัวค่อนข้างมาก (คิดถูกแล้วที่ไม่ย้ายไปรวม) แต่ก็ต้องหิ้วกุ้งย่างกับน้ำจิ้มไปเพื่อไปหาข้าวเหนียวกินความอร่อยก็บังเกิด อิ่มจนไม่ได้แตะอาหารที่ทางงานจัดเลี้ยงเลยแม้แต่คำเดียว อากาศข้างนอกค่อนข้างเย็นรีบอาบน้ำก่อนจะค่ำ เดินช็อปปิ้งนิดหน่อยของขายเยอะยังกับตลาดนัดงานนี้รวมแม่ค้าพ่อค้างานวิ่งเกือบจะทุกเจ้าเลยแต่ละเจ้านี่จัดเต็ม กระเป๋าฉีกไปประมาณ 300 กว่าบาท 555 (ร้านเยอะของเยอะแต่มีแต่ของเดิมๆ นะแหละ) สุดท้ายเข้านอนราวๆ 3 ทุ่ม ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีสองครึ่ง

เข้าถุงนอนในเต๊นท์ก็อุ่นดีอยากนอนยาวถึงเช้าแต่ก็ต้องตื่นก่อนเวลาเพราะว่าเต๊นท์ข้างๆ ตื่นแล้ว(สงสัยพี่แกจะตื่นเต้นนอนไม่ค่อยหลับมั้ง) ก็เลยต้องตื่นตามแต่ยังนอนเล่นอยู่รอถึงเวลานาฬิกาปลุก หลับๆ ตื่นๆ ไปราวๆ ครึ่ง ชม.ได้ ลุกออกไปทำภารกิจให้เสร็จสรรพเรียบร้อยก่อนห้องน้ำจะไม่ว่าง แต่ขอบอกข้างนอกเต๊นท์เย็นชิบบบบบบ เลยเสร็จแล้วต้องรีบกลับเข้ามาขลุกในเต๊นท์ทันที แต่งตัวเก็บของบางส่วนไปไว้ในรถแต่เต๊นท์ยังไม่เก็บกะว่าสายๆ ให้แดดเลียน้ำค้างก่อนค่อยเก็บ

วอร์มอัพร่างกายตั้งตีสามครึ่ง(ปล่อยตัวตีสี่) มีเวลายืดเต็มที่เอามันทุกท่าที่คิดได้ โดยเฉพาะที่เข่าซ้ายที่คิดว่าถ้าไม่จบปัญหามันน่าจะมาจากจุดนี้จึงได้ใส่เครื่องป้องกันเข่าไว้หลวมๆ ปล่อยตัวความตั้งใจในวันนี้คือวิ่งเพจ 6 ไปเรื่อยๆ 30 กม.แรกแล้วเร่งเพจ 5 ช่วง 12 กม.สุดท้าย ตลอดการวิ่งไม่ค่อยเป็นไปตามแผนซักเท่าไหร่ วิ่งตามใจตัวเองบ้าง วิ่งเกาะคนอื่นบ้าง ทั้งไล่ทั้งหนี แต่ความเร็วจะอยู่ในช่วงเพจ 5-6 ขึ้นๆ ลงๆ สวนทางกับกลุ่มแรกที่กลับตัวแล้วที่ กม.20 ดูเวลาแล้ว 1 ชม. 50 นาที ก็ไม่ช้าไม่เร็วเกินไป ตลอดเส้นทางมีนักเรียน ชาวบ้าน ออกมาให้กำลังใจเป็นระยะๆ หลวงพ่อคอยรดน้ำมนต์ให้ 2-3 จุด สนุกสนาน รู้สึกประทับในความร่วมมือไม้ร่วมมือกันมันเหมือนกับเป็นวัฒนธรรมเป็นงานประเพณีประจำถิ่นของชาวจอมบึงทุกคน ผู้ใช้รถใช้ถนนก็ให้ความร่วมมือดีไม่ขับรถเร็วไม่บีบแตรและจอดรอให้นักวิ่งผ่านไปก่อน

ถึงจุดกลับตัวที่ กม. 23.5 ณ จุดนี้คิดว่าถ้าวิ่งคนเดียวตามใจตัวเองก็คงไม่รอดต้องมองหาคนเกาะที่ไม่เร็วมาก และแล้วก็มีนักวิ่งญี่ปุ่นคนหนึ่งวิ่งมาเกาะข้างหลังไม่ได้รู้จักกันแต่เจอตามงานวิ่งบ่อยๆ เอาว่ะ ญี่ปุ่นก็ญี่ปุ่นลองดูซักตั้ง ก็เลยวิ่งเกาะคู่กันไปวิ่งไปพร้อมๆ กันไม่ได้เกาะหลัง ถึงจุดให้น้ำพี่แกแวะกินน้ำซักพักก็ตามขึ้นมาวิ่งคู่กันอีก วิ่งกันเร็วพอสมควรน่าจะราวๆ เพจ 5 ต้นๆ ระหว่างนี้แซงมาเป็นร้อย จนถึง กม.38 รวมระยะที่วิ่งคู่กันก็ราวๆ 15 กม.พากันมาไกลมาก หัวเข่าซ้ายเริ่มมีอาการตึงขึ้นมาจึงลดความเร็วลงมาให้พี่แกสาดไปคนเดียวดุ่มๆ กม.40 อาการเริ่มหนักเหลือแค่ 2 กม.เอาแค่ประคองก็น่าจะรอดแต่ก็ยังต่ำกว่าเพจ 6 อยู่นิดหน่อย จนมองเห็นนาฬิกาที่เส้นชัยอยู่ไวๆ เห็นลางๆ 04:03 ตกใจต้องรีบจ้ำไม่สนเรื่องเข่าเจ็บแล้ว มาจบที่ 04:04 นิดๆ เร็วกว่าปีที่แล้ว 13 นาที

พอหยุดวิ่งเท่านั้นแหละเดินแทบไม่ได้กินก็แทบไม่อยากกินทั้งที่ของกินเยอะแบบไม่มีอั้นก็ยังกินได้แค่น้ำมะพร้าว 1 แก้ว ก๋วยเตี๋ยวหมู 1 ชามแค่นั้นหนาวก็หนาวต้องออกไปกินกลางแดดกินไปยืดไปกว่าจะเขยกไปเก็บเต๊นท์ อาบน้ำได้ก็นานเลย หลังจากเก็บอะไรเรียบร้อยแล้วก็ไปเดินดูบรรยายกาศคนที่เขาเข้ามาทีหลังบ้าง ช็อปปิ้งบ้างได้กางเกงตัวละ 99 บาทรีบเอาเลยตอนเห็นนึกว่าตัวละ 300 ร้อยขึ้นต้องถามแม่ค้าย้ำๆ ว่าตัวเท่าไหร่แน่

แล้วถึงเวลากลับ ออกจากงานมาราวๆ เกือบๆ 11 โมงแวะกินกาแฟ น้ำที่ปั๊ม ปตท.แล้วก็วิ่งยาวถึงบ้านรวดเดียวเลย ถึงบ้านเกือบๆ บ่ายโมง ระยะทางไป-กลับ 300 กม. +- 5 น้ำมันยังไม่ครึ่งถัง(ตอนไปเติมไว้เต็ม) แปลว่าถังนี้น่าจะได้เกิน 600 กม.มันคืออัตราสิ้นเปลืองไปแตะ 18 กม.ต่อลิตรอีกครั้ง


กาย บูรพาไม่แพ้
19 มกราคม 2558

วันจันทร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2558

11 ม.ค. 2558 เล่าเรื่องวิ่ง ภปร.มินิ-ฮาล์ฟมาราธอน ครั้งที่ 17


วันที่ 11 มกราคม 2558 ร่วมงานวิ่ง ภปร.ราชวิทยาลัย มินิ-ฮาล์ฟมาราธอน งานนี้มาวิ่งมินิ 14 กม.แบบช้าที่สุดละชีวิตนี้ ความจริงคือ 1.ไม่ต้องการวิ่งเร็ว 2.ไม่ต้องการวิ่งไกล เนื่องจากก่อนหน้านี้ 1 วัน (10 มกราคม 2558) ได้ซ้อมทางยาว 28 กม.มาแล้วกลัวว่าจะเจ็บก่อนจอมบึงมาราธอน จุดประสงค์ที่มาวิ่งวันนี้ก็เพื่อลาก (วิ่งเป็นเพื่อน) ให้น้องผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งปกติเธอจะวิ่งไกลสุดแค่ 10 กม.นิดๆ แบบวิ่งๆ หยุดๆ ไม่เป็นสเต็ปของตัวเอง ดูจากการซ้อมของเธอล่าสุดเมื่อ 2-3 วันก่อนเธอลากยาวๆ ได้ 8 กม.คิดว่าวันนี้ถ้าวิ่งสเต็ปคงที่ก็น่าจะลากยาวๆ ได้เกิน 12 กม.แน่นอน

อากาศวันนี้เป็นใจก่อนปล่อยตัวอยู่ราว 17-18 องศา เย็นเลยที่เดียวเส้นทางสบายที่บรรยากาศที่วิ่งผ่านสวนผลไม้ สวนผัก ทำให้เย็นขึ้นไปอีกนิด แต่ไม่สบายที่เท้าจากพื้นถนนเป็นซีเมนต์เสียส่วนใหญ่ ไม่ได้วิ่งไกลเหมือนฮาล์ฟจึงไม่มีผลมากนัก

วิ่งเรื่อยๆ เพจ 6-7 ตลอดเส้นทางมีเผลอเร็วบ้างบางจังหวะเข้าเส้นชัยด้วยเวลา 1 ชม.ครึ่งกว่าๆ ผลจากการวิ่งครั้งคือโทรศัพท์หน้าจอดับจากเหงื่อเข้าเครื่องปกติจะเอาถุงพลาสติกห่อเครื่องก่อนแต่วันนี้คิดว่าวิ่งช้าและไม่ไกลเลยไม่ได้ห่อจึงเกิดการผิดพลาดอย่างแรง

อาหารการกินวันนี้อุดมสมบูรณ์มากถึงคนจะมาร่วมวิ่งมากแต่ของกินก็ไม่หมดซักทีบางคนวน 2-3 รอบแล้วก็ยังเหลือ ได้กินจริงๆ ไม่กี่อย่าง ก๋วยเตี๋ยวหมูอร่อยมากไม่ได้ถามมาจากร้านไหนผ่านไปอีกจะได้แวะไปอุดหนุน มะพร้าวอ่อนกองเท่าภูเขาย่อมๆ กินกันไม่หวาดไม่ไหวสุดท้ายก็ให้ขนกลับบ้านคนละ 5 ลูก 10 ลูก (พี่จะเอาไปขายหรือไปแจก) โชคดีที่เราไม่ใช่คนโลภก็เลยได้กินแค่ลูกเดียว

ก่อนกลับก็รอลุ้นจับฉลากแบบไม่มีความหวังสุดท้ายไม่มีความหวังจริงๆ เป็นคนไม่มีดวงนี้เลย



ขอขอบคุณภาพจาก พี่เตือน
กาย บูรพาไม่แพ้
13 มกราคม 2558