วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558

8 มี.ค. 2558 เล่าเรื่องวิ่ง SCG มาบตาพุดมินิมาราธอน


วันที่ 8 มีนาคม 2558 ได้มีโอกาสไปร่วมงานวิ่ง SCG มาบตาพุดมินิมาราธอน ครั้งที่ 6 อยากไปเพราะว่าอยากวิ่งจริงๆ จังๆ หลังจากไม่ได้วิ่งจริงจังมาตั้งแต่จบจอมบึงมาราธอน มีแต่ไปวิ่งเล่นบ้าง วิ่งลากคนอื่นบ้าง แต่ว่าการซ้อมที่ผ่านมานี่ซ้อมเพื่อมาราธอนอย่างเดียวเลย เลยอยากจะทดสอบว่าที่ซ้อมมาระยะมินิฯ เวลาดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน คิดในใจเอาว่าน่าจะดีขึ้นนิดหน่อยจากการซ้อมทำเวลาได้ดีขึ้นราวๆ 3 นาทีในระยะ 10K ด้วยความหวังว่าเมื่อเวลา 10K ดีขึ้น 20K ก็น่าจะดีตามไปด้วย 40K ก็น่าจะได้รับอานิสงไม่มากก็น้อย (คิดเอาไว้แบบนั้นจริงๆ) และอีกอย่างงานนี้แบ่งรุ่นละ 5 ปีมี 10 ถ้วยในแต่ละรุ่นถ้าขาแรงๆ ไม่แห่กันมาก็อาจจะมีโอกาสกับเขาบ้าง

ในวันเดินทางคือวันเสาร์ที่ 7 มีนา ก่อนออกเดินทางก็ต้องทำภารกิจต่างๆ มากมายตามสไตล์ของวันเสาร์รวมทั้งเป็นวันที่ถึงกำหนดเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องพอดีเดิมทีคิดว่าจะไปที่อู่ประจำที่รามอินทราก็เกรงว่าจะไม่ทันกาลเนื่องจากอู่อยู่ไกลต้องไปจองคิวแต่เช้าอู่นี้คิวงานเยอะรอนานก็เลยเปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว อู่แถวบ้านที่เราเคยใช้งานประจำเมื่อตอนใช้รถคันเก่าก็มีนี่นาบริการก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร เลยตัดสินใจเข้าอู่ใกล้บ้านนี่แหละง่ายดีแค่งานเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องมันไม่ใช่งานที่ซับซ้อนอะไรคงไม่ต้องใช้ช่างเฉพาะทางก็ได้ คิดได้ปุ๊บก็ขับรถเลี้ยวเข้าปั๊มเชลล์ใกล้บ้านปั๊บ ช่างยังเป็นแก๊งค์เดิมอยู่นี่ถึงจะไม่ได้เข้ามาโซนนี้หลายปีแล้วก็ยังจำกันได้ทักทายกันแบบคุ้นเคยเหมือนเดิม ช่างดูของเหลวส่วนอื่นให้ด้วยถามว่าน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์เคยเปลี่ยนหรือเปล่า (ATF-Automatic Transmission Fluid) ภาษาปะกิดเป๊ะมั๊ย จำได้ว่าเมื่อตอนเอารถไปตรวจเช็คระยะแสนกิโลก็เปลี่ยนแล้วนี่เลยแสนมาแค่หมื่นปลายๆ ช่างบอกทำไมมันดำขนาดนั้นแถมตกตะกอนอีกทำให้พวงมาลัยฝืด(เออ..เราก็รู้สึกว่ามันฝืด) แสดงว่าอู่ที่รามอินทราไม่ได้เปลี่ยนให้ (คิดในใจว่าจะกลับไปหามันอีกดีมั๊ย) เลยถือโอกาสให้ช่างเปลี่ยนให้เลยสรุปวันนี้เปลี่ยนไป 3 รายการคือน้ำมันเครื่อง Shell Helix Ultra 0w-40 Full Synthetic กรองน้ำมันเครื่อง และน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ (2,375+220+167+ติ๊บ 200) ตัวเบาเลยแต่ของได้แถมมาเป็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ติดโลโก้ Shell Helix Ultra แสดงว่าใครมาเปลี่ยน Shell Helix Ultra ก็จะได้ของแถมกลับไป

เสร็จสรรพออกจากปั๊มเริ่มเดินทางราวๆ เที่ยงครึ่งตะวันคล้อยหลังพอดีออกทางมอเตอร์เวย์กะว่าจะไปแวะกินที่โอเอซีสด้วยความเร็ว 100-120 น้ำมันเครื่องใหม่นี่ดีจริงๆ วิ่ง 120 ไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เลย (ปกติจะมีเสียงเครื่องเล็ดรอดเข้ามาให้รู้สึกหงุดหงิด) ส่วนพวงมาลัยบอกตามตรงว่าไม่รู้สึกแตกต่างแต่รู้สึกว่าเวลาตีวงเลี้ยวระยะแคบๆ จะเลี้ยวง่ายกว่าเดิมและเสียงเบาลง วิ่งมาถึงโอเอซีสรถหนาแน่นเหมือนเดิมที่จอดไม่น่าจะมีก็เลยตัดสินใจไม่แวะไปหากินเอาข้างหน้าหลังออกจากมอเตอร์เวย์แล้วดีกว่า

ขับรถมาเรื่อยๆ ไม่ได้แวะเสียทีจนเลยทางแยกเข้าระยองแล้วถึงได้แวะปั๊มเอสโซ่ซื้อของกินในมินิมาร์ทเข้าห้องน้ำและกดจีพีเอสในมือถือดูเหลืออีกราวๆ 15 กม.จากนี้ไปต้องเปิดจีพีเอสตลอดเพราะกลัวหลงถ้ายังหลงอีกก็โทษคนทำระบบจีพีเอสเอา (เราไม่เกี่ยว) จีพีเอสไม่ได้เปิดเสียงนำทางเลยทำให้สับสนเล็กน้อยแต่ก็ไปถึงจุดหมายโดยไม่ต้องแวะถามไกด์ข้างทาง

ถึงสถานที่จัดงานราวๆ บ่ายสามโมง สมัครเสร็จเรียบร้อยใน 5 นาที แล้วเดินหาที่พักตามโบรชัวร์บอกว่าจัดสถานที่ให้กางเต๊นท์ไว้ที่ศาลเจ้าแม่จันเทแต่ศาลเจ้าต้องเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งแต่ข้างๆ ที่จัดงานนั้นมีโรงแรมชื่อแปลกๆ อาคารคล้ายๆ อาพาร์ตเมนต์ให้เช่าชื่อโรงแรมดราก้อนบอล ชื่อแบบนี้คงปล่อยไว้ไม่ได้ต้องเข้าไปดูซักหน่อย เข้าไปถึงรีเซฟชั่นปรากฎว่าเป็นโรงแรมธรรมดาๆ เก่าๆ ไม่รู้เหมือนกันว่ามีอะไรที่เกี่ยวข้องกับการ์ตูนดราก้อนบอลถามราคาต่อคืนถ้าเป็นนักวิ่งเจ๊ให้ราคา 450 บาท ราคาเต็มไม่รู้หรือจะ 450 เหมือนกันหรือเปล่าแล้วจะถามทำไมว่าเป็นนักวิ่งมั๊ย ตัดสินใจพักที่นี่แทนที่จะไปกางเต็นท์ด้วยเหตุผลหลายอย่างคือ 1.ราคาไม่ได้แพงมากมาย(เย็นๆ มีเพื่อนตามมาก็หารกันได้) 2.ไม่มั่นใจห้องน้ำห้องท่าที่ศาลเจ้า 3.อากาศช่วงนี้กางเต๊นท์นอนอาจตายได้

ถึงเวลาก็นอนไม่ค่อยหลับอยู่ดีอาจเป็นเพราะว่ามีผู้ชายอื่นนอนด้วย(อุ๊ยยย) ถึงแม้จะแยกเตียงนอนกันหรืออาจจะเพราะว่าแอร์เสียงดังเกินไปธรรมดาเมื่อหัวถึงหมอนไม่เกิน 5 นาทีก็ไปถึงชั้นดาวดึงห์แล้ว ตื่นตามเวลาที่นาฬิกาปลุกตีสี่ตรงทำธุระส่วนตัวแต่งตัวออกไปที่ปล่อยตัว ตามกำหนดปล่อยตัว 5.30 น.พอดีมีผู้หลักผู้ใหญ่ของจังหวัดมากันหลายคนจะไม่ให้พูดอะไรเลยมันคงไม่ใช่จัดไปยาวๆ ได้พูดถ้วนหน้ากว่าจะปล่อยตัวได้ก็ 5.50 น.

ระยะทางวิ่งตามประกาศ 12.5 กม.เส้นทางวิ่งขึ้นเนินลงเนินยาวๆ ทางราบไม่ค่อยมีแม้แต่ถนนในหมู่บ้านยังเป็นเนินวิ่งตามความเร็วที่ซ้อม เขาว่าซ้อมมาอย่างไรก็วิ่งได้อย่างนั้นอันนี้จริงครับ ที่ซ้อมคือวิ่งเพจ 5 จะเริ่มเหนื่อยตั้งแต่ กม.ที่ 2 แล้วขนาดทางราบพื้นยางนะ แต่นี่วิ่งออกถนนขึ้นเนินลงเนินเหนื่อยตั้งแต่ กม.แรกแล้ว คิดเอาในใจวันนี้จะรอดมั๊ยเอาเป็นว่าไปแบบนี้เรื่อยๆ ได้แค่ไหนก็แค่นั้นความเร็วคงที่ไปเรื่อยๆ จนถึง กม.ที่ 8 ก็อกสองก็บูสขึ้นมาทำให้เร่งความเร็วขึ้นมาได้เล็กน้อยถึง กม.ที่ 10 รู้สึกว่าอยู่อารมณ์มาราธอนมันก็ออกมาเองก็เลยเร่งความเร็วขึ้นมาได้อีกนิดแล้วก็ถึงเส้นชัยแบบงงๆ นิดนึงไหนบอกว่า 12.5 กม.แต่จาก 10 มา 12.5 ทำไมมันนิดเดียวเอง สิริรวมเวลาไป 1 ชม.กับ 1 นาทีระยะจริงไม่รู้เพราะไม่ได้เอาจีพีเอสไปจับ(มันหนักขี้เกียจถ่วงน้ำหนักตัวเอง)

จะว่าไปเวลาจริงๆ ไม่ได้ดีขึ้นเท่าที่ดู กม.ที่ 8 ก็ปาไป 42 นาทีแล้วเวลารวมเนินแล้วน่าจะเท่าเดิมแต่ถ้าเป็นทางราบก็คงดีขึ้นตามที่ซ้อมมานะแหละ เข้ามาแล้วป้ายหมดแบบตามคนที่ 10 ราวๆ 5 นาที จบกันงานนี้กะว่าไม่มีขาแรงมาที่ไหนได้มันมากองรวมกันอยู่นี่หมด..เฮ้ออออ...ขารองแห้วตามระเบียบ

เก็บความชอกช้ำกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม 7.30 น.ขับรถบึ่งเข้าตัวเมืองระยอง ถึงตัวเมืองระยองแล้วอนิจจาทำไมมันไม่มีป้ายบอกไปกรุงเทพฯ ซักป้ายเลยว่ะ ขับสุ่มไปซักพักก็ไม่มีทางบอกไปกรุงเทพฯ เวรละหยิบมือถือขึ้นมากดจีพีเอสพร้อมเปิดเสียงบอกทาง อื่มมมม ทำไมตูไม่เปิดมันตั้งแต่ทีแรกที่ออกมา ทำเสียเวลาไปพักใหญ่ๆ สุดท้ายก็กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ

ปล.อยากบอกว่าถนนบางนา-ตราด(ใต้ทางด่วนบูรพาวิถี) ปรับปรุงเสร็จ 95% แล้วทำเร็วมากขับสบายไม่ต้องจ่ายตังค์แพง 555

ขอขอบคุณภาพจากนรสิงห์
กาย บูรพาไม่แพ้
9 มีนาคม 2558