วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

10 พ.ค. 2558 เล่าเรื่องวิ่งอย่ากินทิ้งกินขว้าง


ห่างหายจากการวิ่งไปหลายเดือนแต่ยังคงซ้อมอยู่ทุกวันด้วยเหตุผลหลายประการ ระยะมินิมักจะสมัครไม่ค่อยทันเมื่อสมัครไม่ทันก็ไม่ได้ขวนขวายหาทางเพื่อให้ได้วิ่ง จึงหันเหไปถ่ายรูปบ้าง ช่วยทำงานบ้าง (เขาจ้างให้ทำ) งานนี้เขาจัดระยะซุปเปอร์ฮาล์ฟ 30K จริงๆ สนใจแค่ระยะทางกับสถานที่จัดในกรุงเทพ(ไม่ต้องเดินทางไกล) คิดว่าระยะนี้ไม่น่าจะมีใครแย่งสมัครจนเต็ม (ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ) ไม่ได้เตรียมตัวเรื่องการซ้อมเพราะว่าซ้อมเป็นปกติอยู่แล้วน่าจะเอาอยู่แต่เวลาอาจจะไม่ได้ดั่งใจเพราะไม่ได้ซ้อมยาวบ่อยๆ อย่างมาก 20K สองสามสัปดาห์ครั้ง ลงคอร์ท 400-800 ก็ไม่เคยจบลูป

พูดถึงผู้จัดงานบ้างเจ้าของงานคือองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ชื่องาน Run For Save Food ชื่อเป็นภาษาไทยคืออย่ากินทิ้งกินขว้าง เป็นการรณรงค์ให้เรากินแต่พอดีกินแต่พออิ่มเพื่อจะได้มีส่วนที่เหลือไปให้คนที่ไม่มีกินบ้าง ที่จริงจะรณรงค์แค่เรื่องกินก็คงจะไม่ถูกต้องนักถ้าคนทำให้กินทำมามากแล้วคนกินกินไม่หมดก็เหลือทิ้งอีกเหมือนกัน การกินทิ้งกินขว้างน่าจะเป็นปัญหาปลายเหตุมากกว่า แต่อย่างน้อยก็บอกให้เรารู้เมื่อต้องไปทำกับข้าวกินเองก็ทำแต่พอกิน น่าจะเป็นอย่างนั้นมากกว่า เป็นการระดมทุนโดยการจัดการวิ่งเป็นครั้งแรกขององค์กรนี้ แต่ถ้าติดตามข่าวย้อนหลังไปองค์กรนี้เขารณรงค์เรื่องนี้มาพอสมควรแต่จะผ่านการจัดกิจกรรรมในด้านอื่นๆ เช่นการไปมีส่วนร่วมกับการวิ่งประเพณีอย่างกรุงเทพมาราธอนปีที่ผ่านมา เป็นต้น ผู้ที่รับหน้าดำเนินการจัดงานครั้งนี้คือสมาคมนักวิ่งเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย

ระยะ 30K ปล่อยตัวเวลาตีสี่ครึ่งคิดมาก่อนหน้านี้หลายวันว่าถ้าฝนไม่ตกก็ต้องเจอกับสภาพแดดที่ร้อนแรงตั้งแต่ 6 โมงเช้าเลยร่วมๆ กว่าชั่วโมง อีกอย่างที่ต้องเตรียมตัวก่อนคือน้ำกินจะต้องพกไปด้วยเพราะความไม่แน่ใจตรงที่ระยะ 15K ปล่อยตัวหลังจากปล่อย 30K แล้ว 30 นาทีนั่นคือกลุ่ม 15K จะกลับตัวก่อน 30K แน่นอนแล้วก็วิ่งเส้นทางเดียวกันตลอด ความกังวลคือที่จุด 22K-30K จะมีน้ำเหลือไว้ให้กินมั๊ยพกเอาไว้ก่อนน่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ดี

เมื่อถึงเวลาปล่อยตัวก็วิ่งขึ้นสะพานพระราม 8 ในทันทีเมื่อสุดสะพานก็พบปัญหาว่าจุดให้น้ำจุดแรกแก้วน้ำยังมาไม่ถึงจึงไม่มีใครได้กินน้ำ ณ จุดนี้นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับนักวิ่งระยะไกลแต่สำหรับนักวิ่งที่ไม่คุ้นชินอาจจะมีปัญหาเล็กน้อย ความเร็วนั้นตั้งใจวิ่งเพจ 6 (10 กม./ชม.) ไปเรื่อยๆ พยายามดูความเร็วจากนาฬิกาไม่ให้ช้าหรือเร็วไปกว่านั้นมากนักไม่พยายามวิ่งตามคนอื่นที่วิ่งเร็วกว่าให้คิดเสมอว่าอีกหน่อยเขาคงจะหมดที่สุดเราก็จะแซงเขาได้ถ้าเรายังคงความเร็วคงที่แบบต่อเนื่อง จนถึงจุดกลับตัวสิ่งคาดหวังก็เป็นความจริงถึงจุดกลับตัวราวๆ หกโมงเช้าคือเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นพอกลับตัวปุ๊บก็หันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์เลย ไม่ได้ใส่หมวกกันแดด ไม่ได้ใส่แว่นกันแดด ก็อาศัยวิ่งก้มหน้าไปเรืื่อยๆ เงยหน้านานก็ไม่ได้เพราะแสงสะท้อนจากพื้นผิวถนนมันแยงตา วิ่งกลับมาถึงจุดกลับตัว 15K กลุ่ม 15K กลับไปหมดแล้วทีนี้ก็ลุ้นเอาว่าจะมีน้ำเหลือให้กินหรือเปล่าตอนนี้น้ำที่พกไปเหลือครึ่งกระบอกคิดว่าถ้าข้างหน้าไม่มีน้ำกินเลยเราจะมีน้ำพอสำหรับ 8K ที่เหลือแน่นอน แต่สิ่งที่พบกลับผิดคาดคือยังมีน้ำให้กินอย่างเหลือเฟือทำให้ใจชื้นขึ้นมาว่าจะต้องกินน้ำในกระบอกให้เหลือน้อยลงเพื่อลดน้ำหนัก นี่แบกน้ำมากว่า 20K ถึงมันจะไม่มากแต่ระยะทางไกลๆ มันก็ไม่เบานะคนที่ไม่เคยชินอาจหมดแรงเอาดื้อๆ ถึงตอนนี้ก็พยายามรักษาความเร็วไว้จนถึงเส้นชัยสรุปความเร็วก็ได้ตามเป้าคือเพจ 6 พอดี (30 กม./3 ชม.)

เป็นการซ้อมทางไกลที่คุ้มค่าแต่มีปัญหาที่ต้องแก้ไขคือการพกกระบอกน้ำกับการวิ่งระยะทางไกลๆ ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการวิ่งทำเวลาถ้าไม่ซีเรียสเรื่องเวลาก็พกไปเถอะ


ขอขอบคุณภาพจาก พี่ตุ้ม ชัตเตอร์รันนิ่ง
กาย บูรพาไม่แพ้
11 พฤษภาคม 2558