วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2558

13 ธันวาคม 2558 เล่าเรื่องวิ่งโคนมไทยเดนมาร์ค

 

นับจากกรุงเทพมาราธอนมาก็ 1 เดือนพอดีไม่ได้ออกวิ่งงานไหนเลยด้วยภารกิจหลายๆ อย่างที่ต้องทำแต่ก็แอบซ้อมต่อเนื่องมาเป็นระยะถึงจะไม่เข้มข้นเหมือนก่อนกรุงเทพมาราธอนโดยเฉพาะ 2 สัปดาห์หลังมานี่ได้อานิสงส์จากการฝึกพิเศษของทีมนักกีฬาสูงอายุที่จะแข่งต้นปีหน้าให้ผมได้ติดสอยห้อยท้ายการซ้อมไปกับเขาด้วยดูจากคอร์สการฝึกแล้วค่อนข้างหนักหนาสาหัสเลยทีเดียวถ้าทนได้ตลอดการฝึกจนจบคอร์สการเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นแน่นอน การมาวิ่งที่ฟาร์มโคนมฯ นี้ก็ได้รับอานิสงส์นั้นไม่น้อยเลยแม้จะเพียงแค่สองสัปดาห์แต่ผลมันออกมาชัดเจนการวิ่งไต่เนินชันระดับ 30-45 องศาตลอดระยะทางไปกลับ 21 กม.มากกว่า 10 เนินไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผมและยิ่งยากเข้าไปอีกถ้าจะกดเวลาให้ต่ำกว่า 2 ชม.(ปกติทางราบความเร็ว 21 กม.จะอยู่ที่ 1 ชม. 48) แต่ผลจากการทรมานร่างกายในช่วงสองสัปดาห์มันทำให้ผมวิ่งผ่านเนินพวกได้อย่างสบายในตอนที่ยังไม่กลับตัวนึกอยู่ในใจว่าขากลับจะรอดมั๊ยจะช้าลงมั๊ยจะเดินมั๊ย แต่ผลที่ออกมาคือขากลับทำเวลาได้เร็วกว่าขาไปอีกเป็นเรื่องน่าแปลกใจสำหรับผมในตอนนั้น แต่ตอนนี้รู้ซึ้งถึงผลของการฝึกพิเศษที่ผ่านมา


ขอบคุณฟาร์มโคนมไทยเดนมาร์คที่จัดงานดีๆ เส้นทางดีๆ (โหดร้ายไม่แพ้ใคร) ที่นอนดีๆ กลางทุ่งเลี้ยงวัว(แอบหยอดปุ๋ยยูเรียให้ด้วย) ขอบคุณสำหรับการหลงทาง(อีกแล้ว) ขอบคุณเพื่อนๆ นักวิ่ง(ที่คุ้นหน้าเป็นบางคน) ขอบคุณแม่ครัวข้าวต้มอร่อยมากกระดูกอ่อนหมูส้มเคี้ยวกรุบกรับ ขอบคุณชาวมวกเหล็กในถึงแม้ถนนจะคับแคบขรุขระแต่ก็มีรถออกมาวิ่งน้อยมากวิ่งไปกลับนับได้ไม่ถึง 10 คัน



สุดท้ายขอบคุณภาพสวยๆ จากพี่ตุ้มและป็อก ชัตเตอร์รันนิ่ง ครับ
กาย บูรพาไม่แพ้
15 ธันวาคม 2558

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

15 พฤศจิกายน 2558 เล่าเรื่องวิ่งกรุงเทพมาราธอน(ในตำนาน)อีกครั้ง


กรุงเทพมาราธอนปีนี้(2015) เป็นมาราธอนที่ 14 ของผม เคยได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะร่วมวิ่งเป็นปีสุดท้ายเนื่องจากไม่ประทับใจระบบการบริหารและการจัดการของคณะผู้จัดในหลายๆ ด้าน ส่วนจะเป็นอะไรบ้างไม่ขอพูดถึงก็แล้วกันเพราะบ่นไว้ในเฟสบุ๊คก็เยอะแล้ว ครั้งนี้เตรียมตัวนานผิดปกติและซ้อมหนักกว่าทุกครั้งด้วยหวังจะทำลายสถิติตัวเองลงแบบทิ้งความทรงจำกันไว้เลยคือ 3:50 ชม.แต่ผลที่ได้คือกลับกันออกมาที่ 4:23 ซึ่งนอกจากไม่สามารถทำลายสถิติเดิมได้แล้วกลับแย่ลงไปจากเดิมอีก จึงต้องกลับมาวิเคราะห์สาเหตุซึ่งน่าจะมีปัจจัยหลักแค่สองประการคือ 1.การพักผ่อน 2.สภาพอากาศ และปัจจัยอีกเล็กน้อยคือเครื่องแต่งกายที่ดูขัดแย้งกับสภาพอากาศเหลือเกิน จะว่าไปหลายคนก็มีสภาพที่ไม่แตกต่างกันนักแสดงให้เห็นว่าปัจจัยหลักที่มีผลมากที่สุดที่ทุกคนจะต้องประสบเหมือนๆ กันคือสภาพอากาศ


ณ โอกาสนี้ก็ขออำลาสนามกรุงเทพมาราธอนไปซักระยะหนึ่งจนกว่าจะเห็นแนวโน้มว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ขอโอกาสให้ผมได้ร่วมงานดีๆ มีคุณภาพมาตรฐานสากลระดับประเทศ ตั้งแต่สมัครจนถึงรับเสื้อฟินิชเชอร์ซักครั้งในชีวิตก่อนอำลาสนาม


ขอขอบคุณภาพจาก เวบไซต์ซัตเตอร์รันนิ่ง เวบไซต์ชมรมวิ่งบางขุนเทียน Refill Marathon
กาย บูรพาไม่แพ้
17 พฤศจิกายน 2558

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

1 พ.ย. 2558 เล่าเรื่องวิ่งฮาล์ฟมาราธอนที่ Mega Bangna

งานนี้เมกาบางนาร่วมกับพรูเดนเชียลประกันชีวิตร่วมกันจัดงานโดยรายได้ไม่หักค่าใช้จ่ายบริจาคเป็นการกุศลใช้ชื่องานว่าเป็นงานระดับอินเตอร์เนชันแนลด้วย เหตุที่ร่วมวิ่งงานนี้ด้วยราคาค่าสมัคร 600 บาทก็เนื่องจากเห็นว่าผู้จัดไม่ได้เห็นแก่ค่าสมัครแพงๆ ถ้างานนี้ค่าสมัคร 600 บาทแล้วหักค่าใช้จ่ายก็คงจะไม่สมัครสู้ไปนั่งถ่ายรูปฟรุ้งฟริ้งจะดีกว่า


พื้นที่จัดงานก็คงไม่ได้ใหญ่โตไปกว่างานวิ่งทั่วๆ ไปแต่ที่มีมากกว่าคือลานจอดรถที่ไม่ต้องเบียดเสียดแย่งที่จอดกันแถมรถบริการฟรีที่วิ่งเป็นประจำทุกวันก็จัดเที่ยวพิเศษให้ด้วยเป็นบริการที่น่าประทับใจ เวลาปล่อยตัวคือตีห้าตรงที่ดีกว่าคือไม่มีการกล่าวเปิดงานใดๆ ทั้งสิ้นประธานมีหน้าที่กดแตรลมปล่อยตัวนักวิ่งอย่างเดียว เกิดความสับสนในเรื่องเส้นทางในช่วง กม.แรกจะต้องวิ่งข้ามรั้วกั้นทางเพื่อสวนทางขึ้นเกือกม้าไปยังถนนบางนา-ตราดฝั่งขาออก ตอนนี้ก็ยังสงสัยอยู่ว่าใครเป็นคนแรกที่พาวิ่งข้ามรั้ว แล้วกลุ่มนำเขาไปทางไหน รถนำทางมันจะข้ามรั้วไปได้อย่างไรยังหาคำตอบไม่ได้


ตามเส้นทางวิ่งนั้นจะต้องวิ่งบนถนนบางนา-ตราดฝั่งขาออกทั้งไปแล้วกลับซึ่งถนนจะปิด 100% ตั้งแต่สี่แยกบางนาถึงสี่แยกวัดกิ่งแก้ว(บางพลีใหญ่) หลังจากลงจากเกือกม้าต้องวิ่งไปทางบางพลีราวๆ 5 กม.ถึงแถวๆ หน้าเชียงกงก็กลับตัวมาผ่านหน้าเมกาอีกรอบแล้ววิ่งเลยไปทางบางนา ผ่านหน้าราม2 มานิดหน่อยป้ายบอกทางว่า 8 กม.อุ๊ต๊ะ จีพีเอสจับได้ 10 กม.เวรกรรมรอลุ้นท้ายๆ ว่าป้ายจะถี่ลงมั๊ยถ้าไม่ก็ทำใจไว้ว่าจะได้วิ่ง 23 กม.เป็นแน่แท้ วิ่งมากลับตัวอีกทีก่อนถึงสี่แยกบางนาราวๆ 1.5 กม.(ในใจก็คิดว่าวิ่งมาถึงหน้าบ้านแล้วไม่วิ่งกลับได้มั๊ย) เฝ้ามองป้ายบอกระยะตลอดเวลายังคงห่างอยู่ 2 กม.เหมือนเดิม กม.ที่ 16 จากจีพีเอสลดความเร็วลงมานิดหน่อยจากที่วิ่ง เพจ 5 ต้นๆ มาเพจ 5 ปลายๆ เซฟแรงเผื่อ 2 กม.ที่เกิน กม.18 ได้แตงโม ได้เพาเวอร์เจลเสริมแรงแถมเจอกลุ่ม 10K กลับตัวก็กลับมาวิ่งที่เพจ 5 ต้นๆ อีกครั้งลากยาวจนจบรวมระยะจากจีพีเอส 23.4 กม.ถ้าวัดแค่ระยะมาตรฐาน 21.1 กม.ใช้เวลาไป 1 ชม.45 ทีน่าจะเป็นนิวพีบีมั้ง แต่ถ้ารวมระยะทั้งหมด 23.4 กม.ก็ใช้เวลาไป 1 ชม.57 นาที เพจเฉลี่ย 5.02 (5 นาที 2 วินาทีต่อ 1 กม.)


อาหารหลังวิ่งก็ตามมาตรฐานของจ็อกแอนด์จอยแต่ไม่อยากต่อแถวนานเลยหาแถวที่สั้นที่สุดคือแถวของเฉาก๊วย วิ่ง 20 กว่า กม.วันนี้ไม่รู้สึกว่าเหนื่อยหรือโหยซักเท่าไหร่อาจจะเพราะว่าได้กินก่อนเกือบครึ่ง ชม.ระหว่างทางมีน้ำเพียงพอหยิบเพาเวอร์เจลออกใช้ในระยะที่เหมาะสมนี่คือสิ่งที่อยากให้เป็นในการวิ่งระยะฟูลที่จะถึงนี้.....ด้วยความหวังว่าจะวิ่งด้วยเพจ 5 กลางๆ จนจบ 42K


ขอขอบคุณภาพจาก
คุณวิมล ชมรมวิ่งภูติอนันต์ (อ่านว่า พู-ติ นะมีคนอ่าน พูด ออกอากาศด้วย)
คุณแจ๊ค วัฒนา เวบไซต์ชัตเตอร์รันนิ่ง

กาย บูรพาไม่แพ้
2 พฤศจิกายน 2558

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2558

20 ก.ย. 2558 เล่าเรื่องวิ่งมาราธอนควีนคัพสนามที่ 2

CW-X Marathon Queen Cup สนามที่ 2 จัดที่เจปาร์คศรีราชา จ.ชลบุรี อยู่ติดกับถนนสายชลบุรี-พัทยา สายใหม่ บางคนเรียกมอเตอร์เวย์จริงๆ มอเตอร์เวย์สิ้นสุดแถวๆ แยกบ้านบึงหรือจุดที่มาบรรจบกับสายบายพาส (ชลบุรีจะมีถนนสายหลักผ่าน 3 เส้นคือ 1.สุขุมวิทที่ตัดผ่านเมืองชลบุรี 2.ทางเลี่ยงเมืองหรือบายพาส 3.มอเตอร์เวย์)

J Park เป็นแหล่งจับจ่ายสิ่งของเครื่องใช้ และร้านอาหารแนวญี่ปุ่น อาคารสถานที่ก่อสร้างและตกแต่งตามรูปแบบบ้านญี่ปุ่น จะเรียกว่าเป็นห้างสรรพสินค้าก็คงไม่ใช่จะเรียกว่าอะไรดีเรียกไม่ถูก จุดประสงค์ก็น่าจะมาจากพื้นที่แถบนี้มีคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่เยอะโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มากมายล้วนเป็นอุตสาหกรรมจากญี่ปุ่นแทบทั้งนั้น ติดกันนี้มีโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นขั้นสูงอยู่ด้วย ใกล้ๆ นี้ก็มีศูนย์วัฒนธรรมญี่ปุ่น นับได้ว่าเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ชาวญี่ปุ่นโพ้นทะเลกันเลย



รูปแบบอาคารก็เป็นแบบบ้านญี่ปุ่นสมัยใหม่นี่แหละแต่จะเป็นบ้านในแถบชนบท ร้านค้าต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นร้านของคนไทยสิ่งของเครื่องใช้ก็เป็นแบบไทยๆ จะมีแค่ร้านเฟรนไชด์ญี่ปุ่นร้านเดียวคือร้านไดโซะ ร้านอาหารส่วนใหญ่เป็นร้านสไตล์อาหารญี่ปุ่นมีทั้งร้านที่เป็นของคนไทยและร้านของคนญี่ปุ่นแท้ๆ



มีพื้นว่างๆ สำหรับพักผ่อนหรือให้เด็กๆ วิ่งเล่น ผู้ใหญ่ถ่ายรูป ยามที่แดดแรงๆ จะไม่ค่อยร่มรื่น มีต้นไม้ใหญ่ๆ ที่เป็นร่มเงาไม่กี่ต้นเหมาะสำหรับการมาพักผ่อนยามเย็นมากกว่า



และที่ขาดไม่ได้สำหรับบ้านญี่ปุ่นคือน้ำและบ่อปลาคาร์บ



มาพูดถึงเรื่องวิ่งบ้างเหตุที่ต้องพูดถึงเจปาร์คก็เพราะว่าการจัดงานวิ่งครั้งนี้จัดกันที่เจปาร์คนี่แหละ Shop CW-X ในเจปาร์คนี้เป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดงาน เป็นการจัดงานที่ค่อนข้างกระชับรวดเร็ว ระยะฟูลมาราธอนปล่อยตัวตีสามครึ่งไม่มีการกล่าวเปิดงานใดๆ ทั้งสิ้น (ไม่รู้ว่าระยะอื่นๆ เขากล่าวเปิดงานกันมั๊ย) มาถึงงานก่อนปล่อยตัวเกือบสองชั่วโมงเหตุจากไม่ถามเวลาปล่อยให้แน่ใจก่อนโบรชัวร์บอกปล่อยตีสองครึ่งก็มาก่อนตีสองครึ่งนิดหน่อยมาถึงงานก็ไม่มีใครเลย ต้องคั่นเวลา(แก้เขิน)ด้วยการช่วยพี่ตุ้ม ชัตเตอร์รันนิ่งขนของจัดบู๊ตถ่ายภาพจะเสร็จ

สรุปรวมๆ เส้นทางวันนี้ค่อนข้างดีใช้เส้นทางศรีราชา-อ่างเก็บน้ำบางพระป่าไม้ร่มรื่นตลอดทางเป็นทางราบ 90% ที่เลี้ยวลดคดเคี้ยวทางโค้งเยอะมากแต่ละโค้งก็ลาดเอียงไม่ต่ำกว่า 30 องศา ดูเหมือนไม่ได้สร้างปัญหาอะไรแต่บอกเลยมันตัดกำลังขาไปได้มาก เนินขึ้นอ่างเก็บน้ำบางพระ กม.ที่ 20-21(ขาไป) และ 23-24(ขากลับ) สร้างปัญหาได้มากเลยทำแรงตกไปเยอะ  4 กม.สุดท้ายเป็นทางปูน กม.ที่ 39-41 เหมือนเป็นทางราบแต่ทำไมมันหน่วงๆ ขายกไม่ขึ้นดูดีๆ มันเป็นทางไต่ระดับขึ้นทีละนิดเหมือนเป็นเนินเล็กๆ แต่ยาวมากๆ และเป็นช่วงสุดท้ายที่แรงไม่เหลือแล้วโดนกลุ่ม 32K แซงไปหลายคน

สุดท้ายก็จบที่เวลา 4 ชม.20 นาทีแบบสาหัสเบาๆ (งานนี้ทำเอาเหนื่อยเลย) ที่ 23 จากกี่คนไม่รู้ไม่น่าถึงร้อย



ขอขอบคุณภาพจากพี่ตุ้ม ชัตเตอร์รันนิ่ง (ภาพเจปาร์คนั้นถ่ายเองนะ)
กาย บูรพาไม่แพ้
21 กันยายน 2558

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2558

6 ก.ย. 2558 เล่าเรื่องวิ่งบ้านแพ้ว


เป็นครั้งแรกที่ได้มาร่วมงานวิ่งที่บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ระยะทางจากบางนาถือว่าไม่ไกลและไม่ใกล้ใช้เวลาขับรถราวๆ 1 ชม.ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. (ถ้าไม่หลง) โดยมีแรงจูงใจคือคนที่เข้าเส้นชัย 1 พันคนแรกจะได้กินน้ำมะพร้าวน้ำหอมคนละ 1 ลูกถ้วน (แวะซื้อข้างทางลูกละ 10 บาทอร่อยกว่ามั๊ยไม่ต้องเหนื่อย) เริ่มจากออกเดินทางก็หลงซะแล้วถึงสองครั้งสองคราวครั้งแรกหลังจากแวะรับน้องที่ยศเสมาขึ้นทางด่วนที่ยมราชก็ขึ้นผิดช่องปกติจะต้องวิ่งมาทางสะพานแขวนเลยแต่กลับเข้าช่องไปแจ้งวัฒนะคิดว่าไม่เป็นไรก็อ้อมเอาหน่อยไปทางดินแดงละกันพอถึงทางแยกที่จะต้องไปเบี่ยงออกไปคลองเตย-บางนาก็ขับเลยอีกคราวนี้วิ่งตรงไปทางพระราม 9 อีก คิดหนักเลยจะไปออกทางไหนอีก แต่ด้วยประสบการณ์การแก้ไขปัญหาเวลาหลงทางจึงทำใจนิ่งๆ ไว้ตอนนี้ตีสี่รถไม่ติดแน่นอนตัดสินใจลงทางด่วนที่ด่านพระราม 9 เลี้ยวซ้ายมาทางสี่แยกพระราม 9 เลี้ยวซ้ายอีกทีไปทางดินแดงไปเรื่อยๆ จนไปออกพญาไทแล้วไปตามถนนพญาไทจนถึงสามย่านผ่านสีลม สวนลุม ไปขึ้นทางด่วนด่านพระราม 4 ขึ้นสะพานแขวนแวะรับน้องอีกสองคนที่พระราม 2

บ้านแพ้วจำได้ว่าเคยผ่านแต่นานมากแล้ว ขับรถบนถนนพระราม 2 ไปเรื่อยๆ ดูป้ายบอกทางนานแล้วทำไมไม่เห็นมีป้ายบอกไปบ้านแพ้วซะทีใจหนึ่งก็ถามตัวเองว่าเลยหรือยังใจหนึ่งก็คิดว่ายังความคิดเริ่มจะไม่สามัคคีกันที่คิดว่าเลยเพราะว่าขับมาไกลแล้วแต่ที่คิดว่ายังไม่ถึงเพราะว่ามันต้องเลยตลาดมหาชัยไปซักหน่อย ถ้าสงสัยว่าทำไมไม่เปิดจีพีเอสนำทางบอกได้เลยว่าเปิดครับแต่มันไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร ในที่สุดก็เจอป้ายบอกทางไปบ้านแพ้วจากกรุงเทพมาถึงนี่เห็นมีอยู่ป้ายเดียวจริงๆ ต้องไปกลับรถใต้สะพาน ตอนนี้นึกถึงแผนที่อย่างเดียวตามแผนที่บอกเลี้ยวซ้ายข้าง รพ.บ้านแพ้ว ในแผนที่จาก รพ.ไปวัดมันใกล้นิดเดียวแต่ความเป็นจริงราวๆ 5 กม.ได้


มาถึงที่วัดหลักสี่ตีห้าพอดีเวลาปล่อยตัวตีห้าครึ่งดีที่จอดกว้างขวางหาที่จอดได้ง่ายมีเวลาเตรียมตัวยืดเหยียดพอประมาณตามประกาศเตือนของพิธีกรขู่ว่าเส้นทางวิ่งสะพานเยอะมากเอาชีวิตรอดกลับมาให้ได้เหมือนจะพากันไปออกรบนะ สิ่งที่ลืมในวันนี้คือซื้อช็อคโกแล็ตมาแล้วไม่ได้กินทำให้ช่วง 10 กม.แรกไม่ค่อยมีแรงมีเพาเวอร์เจล 1 ซองแต่ต้องไว้กินหลัง 10 กม.แล้วเท่านั้นทำให้ 10 กม.แรกนี้ค่อนข้างเหนื่อย 10 กม.หลังกว่าเพาเวอร์เจลจะทำงานก็รอไปราวๆ 5 กม.เหลือ 5 กม.สุดท้ายแรงเริ่มกลับคืนทำความเร็วได้ดีต่อเนื่องแต่เวลาก็ยังหลุดโลกไปอีกจนเกิน 1 ช.ม. 50 นาที



สาเหตุที่เวลาไม่ได้ดีวันนี้มีสามอย่างคือ 1.ไม่ได้กินรองท้องมีผล 5% 2.สะพานเยอะมีผล 5% 3.น้ำหนักอุปกรณ์(สายคาดเอว+ขวดน้ำ) มีผล 10% ข้อ 1.เป็นเพราะความประมาท ข้อ 2.เป็นอุปสรรคตามปกติที่เราเลี่ยงไม่ได้ ข้อ 3.ถ้าอยากวิ่งทำเวลาไม่ควรใช้ งานนี้ได้ทั้งปัญหาและทแนวทางการแก้ไขก็ถือว่าไม่เสียเที่ยวครับ



ขอขอบคุณภาพจาก พี่เตือน เฮียสุเทพ บางขุนเทียน พี่แจ็ค วัฒนา ชัตเตอร์รันนิ่ง
กาย บูรพาไม่แพ้
10 กันยายน 2558

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2558

12 ส.ค. 2558 เล่าเรื่องวิ่งตรีมิตร(วิ่งเพื่อแม่)


12 สิงหามหาราชินีวันนี้เป็นวันแม่แห่งชาติมีงานวิ่งที่จัดเป็นประจำอยู่หลายงานปีนี้ไปร่วมวิ่งที่โรงเรียนเซนต์ปีเตอร์(ตรีมิตร) แถวๆ บางแวก พุทธมณฑลสาย 1 โรงเรียนนี้เคยมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อสองปีที่แล้วเป็นงานวิ่งของบ้านบางแค คราวนั้นมาหลงอยู่หลายรอบหลงอยู่ในซอยบางแวก จรัลฯ ราชพฤกษ์ กว่าจะหาโรงเรียนเจอก็เกือบปล่อยตัวนักวิ่งแล้วสรุปว่าเข้าผิดทาง มาคราวนี้ไม่อยากบอกเลยว่าหลงอีกแล้วหลงตั้งแต่ลงจากลอยฟ้าบรมชนนีแล้วเลี้ยวเข้าราชพฤกษ์เลยพอรู้ตัวว่าหลงต้องรีบหาซอยบางแวกเลยเพราะรู้ว่าซอยบางแวกยาวตั้งแต่จรัลฯไปถึงสาย1 วิ่งไปตามซอยบางแวกเรื่อยๆ ก็จะถึงทางเข้าโรงเรียนก่อนออกสาย1 เล็กน้อย

งานวันนี้มีนักวิ่งมาร่วมงานเยอะอยู่พอสมควร ส่วนหนึ่งคงหนีงานในเมืองที่ผู้คนแออัดยัดเยียดแต่หารู้ไม่ว่าจะต้องมาเจออะไรที่แออัดกว่าไม่นึกว่าจะมากันเยอะขนาดนี้ ตอนแรกหวังจะมาทดสอบเวลาดูแต่ว่านอนมาน้อยและไม่ได้กินอะไรรองท้องคิดว่าเวลาคงจะไม่ได้เอาเป็นว่าวิ่งเพื่อสุขภาพเหมือนเดิมละกัน

วันนี้ออกตัวค่อนข้างแรงประมาณเพจ 4 ต้นๆ แล้วแรงก็ค่อยๆ อ่อนลงตามระยะทาง เส้นทางวันนี้เปลี่ยนไปจากคราวที่แล้วที่บ้านบางแคนั้นหลังจากกลับตัวต้องวิ่งเข้าหมู่บ้านอะไรซักอย่าง ออกมาจากหมู่บ้านแล้วค่อยกลับตัวใต้สะพานอีกทีไม่ได้ขึ้นสะพานสูงเลยซักสะพาน แต่คราวนี้ไม่ได้เข้าหมู่บ้านวิ่งตรงไปสะพานข้ามซอยบางแวกซึ่งสูงมากวิ่งตรงไปขึ้นอีกสะพานเป็นสะพานข้ามแยกหรือคลองอะไรซักอย่างซึงก็สูงพอๆ กัน พอลงสะพานแล้วก็ไปเลี้ยวซ้ายถนนตัดใหม่ที่ไม่รู้ชื่อยังทำไม่เสร็จดีมองเห็นสะพานอยู่ไกลๆ อีกก็เริ่มท้อไม่นึกว่าวิ่งวันนี้จะเจออะไรที่ยากกว่าวิ่งมาราธอนบนทางลอยฟ้าบรมชนนี ต้องลงสะพานที่ 3 ก่อนถึงจะกลับตัวตอนนี้เริ่มคิดในใจขากลับต้องขึ้นสะพานอีก 3 สะพาน เวลามันหลุดตั้งแต่ขึ้นสะพานที่ 2 แล้ว คนที่รู้จักทะยอยแซงไปทีละคนสองคนปากก็ทักเขาไปงั้นๆ ไม่มีแรงจะไล่ตามจนมีแรงฮึดสู้อีกครั้งโดนพี่อาร์ตนักเดินทนระดับประเทศ(มือวางอันดับ 3 ของประเทศไทย) กำลังจะแซง ถ้าพี่อาร์ตวิ่งจะยอมให้แซงแต่โดยดีแต่นี่พี่แกเดินยังจะแซงเราอีกใครจะไปยอม หลอกล่อพี่อาร์ตด้วยการชวนคุยไป 1 ยก พอใกล้ถึงเส้นชัยก็รีบจ้ำหนีอย่างรวดเร็วเข้าเส้นชัยไปก่อนเลย

ดูเวลาแล้วหลุดจาก 50 นาทีไปเยอะพอสมควรความจริงเวลาขนาดนี้มันไม่เหนื่อยขนาดนี้นะคงมีปัจจัยหลายอย่างรวมกัน วิเคราะห์แล้วคราวหน้าคงจะเตรียมตัวได้ดีกว่านี้

สรุปว่างานการกุศลของกินต้องเยอะเป็นธรรมดาแต่กินไม่ลงขอข้าวต้มบอกคนตักเอาน้อยๆ แกก็ตักให้ติ๊ดเดียวก็ยังกินไม่หมด ของขายก็เยอะหมดไปหลายบาทเหมือนกัน รองเท้ามิตซูโน่ ไรเดอร์ 2 พันบาทน่าซื้อตัดสินใจอยู่ว่าจะเอาสเปซเซอร์หรือไรเดอร์ดีใส่แค่ซ้อมไรเดอร์น่าจะดีกว่าเพราะราคาเบาๆ สเปซเซอร์ราคาก็ x2 ไม่เบาๆ ละ

จบนะ.....



ขอขอบคุณภาพจาก
คุณวิมล ชมรมวิ่งภูติอนันต์
พี่เตือน ชมรมวิ่งบางขุนเทียน
กาย บูรพาไม่แพ้
14 สิงหาคม 2558

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

26 ก.ค. 2558 เล่าเรื่องวิ่ง 19 ปีจ็อกแอนด์จอย


ครบรอบ 19 ปีจ็อกแอนด์จอยออร์แกไนซ์จัดงานวิ่งและอื่นๆ ไม่รู้อะไรบ้างรู้แต่จัดงานวิ่งอย่างเดียว งานนี้แบ่งรุ่นโดยใช้น้ำหนักนักวิ่ง น่าจะเป็นเจ้าแรกที่แบ่งรุ่นแบบนี้ซึ่งเริ่มมาเมื่อซัก 3-4 ปีที่แล้วจะว่าไปนักวิ่งเก่งๆ ก็ไม่ค่อยเกี่ยงเรื่องน้ำหนักซักเท่าไหร่ จะซีเรียสก็นักวิ่งแนวกลางๆ ที่หวังจะมีโอกาสรับถ้วยกะเขาบ้างก็พยายามทำน้ำหนักกันให้อยู่ในรุ่นที่คิดว่าวิ่งดีที่สุด แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น เนื่องจากช่วงน้ำหนักแต่ละรุ่นค่อนข้างกว้างคนที่น้ำหนักอยู่ช่วงกลางๆ ของรุ่นจะได้เปรียบเพราะไม่ต้องทำน้ำหนักเพิ่มหรือลด จะเพิ่มจะลดให้ตายยังไงมันก็คงไม่หลุดจากรุ่นไปทรมาณร่างกายเปล่าๆ คนที่น้ำหนักอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวนี่ก็พอจะเพิ่มหรือลดได้แต่ +- เกิน 2 ก.ก.นี่แย่เลยนะอย่างเช่นเกณฑ์เขาแบ่ง 46-59 ก.ก. คนที่น้ำหนัก 59 พอดีทำเพิ่มอีก 1 ก.ก.ก็จะข้ามไปอีกรุ่นแต่อย่าลืมว่าก่อนวิ่งเราทำน้ำหนักได้ 60 ก.ก.พอวิ่งเสร็จอาจจะไม่ได้ 60 ก.ก.นะถึงจะวิ่งเข้ามาคนแรกแต่ตอนชั่งน้ำหนักหากไม่เข้าเกณฑ์รุ่น 60 ก.ก.ก็ฟาวล์นะครับต้องเผื่อไว้อย่างน้อย +3 ขอบอกเลยว่าจากคนที่วิ่งด้วยน้ำ 59 ก.ก.โดยธรรมชาติแล้วทำน้ำหนักไปวิ่งที่น้ำหนัก 62 ก.ก.มันต้องเข็นแรงขึ้นไปเท่าไหร่ถึงจะวิ่งให้ได้เท่าเดิม เหนื่อยครับส่วนมากจะไม่รอดไม่ยางแตกก่อนก็หมดสภาพ ดังนั้นคนที่วิ่งตามธรรมชาติมักจะได้เปรียบกว่า

เหตุที่ผมเลือกไปวิ่งงานนี้ไม่ได้ต้องการวิ่งตามน้ำหนักอะไรนะครับ คือมันใกล้บ้านและพึ่งเสร็จศึกพัทยามาราธอนมาหมาดๆ แค่อยากทดสอบร่างกายว่ากลับมาปกติหรือยัง ผลก็คือกลับมาปกติดีคือเวลาในระยะ 10K ไม่ได้หายไปเพียงแต่มันยังไม่ดีขึ้นเท่านั้นเอง

ก็ขอจบแบบห้วนๆ แค่นี้แหละ ...

ปล.ภาพตอนวิ่งมีแต่ไกลๆ ไม่ติดโฟกัส รูปชัดๆ ต้องรอสักพัก ตากล้องมาน้อยเพราะฝนตก
กาย บูรพาไม่แพ้
29 กรกฎาคม 2558