วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

29 พ.ย. 2557 เล่าเรื่องวิ่ง Run Ride For Children's Chance 2014

วันนี้ได้ไปร่วมงานวิ่งการกุศลของมูลนิธิอะไรซักอย่างซึ่งเป็นมูลนิธิหนึ่งของโรงพยาบาลสมิติเวช โดยในปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 จัดขึ้นที่โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ งานนี้มีทั้งวิ่งระยะ 3.5 กม. 12 กม.และปั่นจักรยาน 28 กม. มีนักวิ่งเข้าร่วมงานราวๆ 300 กว่าคนซึ่งถือว่าน้อย เหตุที่มีคนมาร่วมงานน้อยมันมีหลายสาเหตุด้วยกันเช่น สัปดาห์นี้มีงานวิ่งเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑลก็ราวๆ 5 งาน การรับสมัครนอกจากจะออกไปรับสมัครตามงานวิ่งต่างๆ ไม่กี่ครั้งแล้วที่เหลือสมัครผ่านไทยทิคเก็ตเมเจอร์เท่านั้น มีไปเปิดบูตรับสมัครที่ศรีนครินทร์ก่อนวันงานเพียงวันเดียวันนั้น

สำหรับบรรยากาศการจัดงานนั้น ผู้จัดใช้ จนท.ค่อนข้างน้อย ไม่ใช้บริการของ จนท.ตำรวจและทีมกู้ภัยในการดูแลตลอดเส้นทางวิ่ง คือตลอดการวิ่ง 12 กม.ไม่ จนท.ดูแลความปลอดภัยให้เลย แถมได้ยินเล็ดลอดมาจากปากของ จนท.บางคนว่าให้วิ่งบนฟุตบาท (ฟุตบาทถนนรามคำแหง) บรรยากาศเหมือนการวิ่งซ้อมบนถนนธรรมดาๆ ดีๆ นี่เอง รถยังวิ่งเต็มถนนตามปกติ แย่งๆ เบียดกันไปตามยะถากรรม ความปลอดภัยส่วนบุคคลเราก็ต้องดูแลกันเอง


อันนั้นเป็นปัญหาของผู้จัดไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเราๆ นักวิ่งในเมื่อตัดสินใจสมัครแล้วเราก็ต้องไปวิ่งตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้ให้สำเร็จลุล่วงถึงแม้ว่าเขาจะจัด จนท.มาดูแลให้หรือไม่ก็ตาม

การวิ่งวันนี้ค่อนข้างเหนื่อยถึงจะวิงแค่ 12.7 กม.ก็ตาม ด้วยอากาศที่ร้อนมาก และไม่มีลมพัดเลย เหงื่อท่วมตั้งแต่ กม.แรกๆ เลย และด้วยความที่ต้องการจะทำความเร็วให้ดีขึ้นด้วยโดยพยายามจะวิ่งเพจ 5 ให้ได้ไกลที่สุดบวกกับการพักผ่อนน้อยได้นอนไม่ถึง 4 ชม.หลายอย่างมันก็มาออกดอกออกผลตอนวิ่งนี่แหละ พยายามรักษาความเร็วคงที่ตลอดเส้นทางผลสุดท้ายก็ทำได้ค่อนข้างดีคือกลับมารักษาความเร็วที่เพจ 5.2 ได้คุ้มกับเหงื่อที่เสียไปเป็นลิตรเลย

งานนี้ได้ลองไอเท็มใหม่คือ Compression sock หรือ Compression sleeve แปลเป็นไทยก็น่าจะเป็นถุงเท้ารัดกล้ามเนื้อ บางคนก็เรียกถุงน่องรัดกล้ามเนื้อ ราคาใช้ได้เลยทีเดียวที่ซื้อมาเป็นของ Zensah จากช็อป Sport Triton BTS สยาม ถ้าถามว่าใช้ดีมั๊ย ตอบว่าไม่รู้ เพราะว่าระยะทางแค่นี้คงจะพิสูจน์อะไรไม่ได้ ตามคุณสมบัติเขาบอกว่าช่วยป้องกันการล้าของกล้ามเนื้อ ต้องรอดูกันระยะยาวๆ ก่อนถึงจะสามารถรีวิวได้ว่าดีหรือไม่ดีคุ้มค่าของราคาแพงหรือไม่


เสร็จสิ้นภารกิจวิ่งก็มาภารกิจรับประทาน เป็นที่แน่นอนแล้วว่าการกินกล้วยหอมก่อนวิ่ง 1 ชม.จะทำให้ปวดท้องหนักระหว่างวิ่งเพราะว่าเป็นมาทุกครั้งที่กินกล้วยหอมก่อนวิ่งแล้วไม่เข้าห้องน้ำ อาหารการกินหลังวิ่งอุดมสมบูรณ์ดีถึงจะมีไม่กี่อย่างก็เพียงพอสำหรับวิ่งนักปั่นทุกคน ของชำร่วยเยอะดีให้ทั้ง Gift Voucher หมวก ยาสระผม ถุงผ้าขนาดใหญ่ หลายสิ่งมาก




ขอขอบคุณภาพจาก พี่ตุ้ม ชัตเตอร์รันนิ่ง
กาย บูรพาไม่แพ้
29 พ.ย. 2557

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

16 พ.ย.2557 เล่าเรื่องวิ่งมาราธอนในตำนาน กรุงเทพมาราธอน

กรุงเทพมาราธอนปีนี้เป็นปีที่ร่วมวิ่งระยะเต็มปีที่ 3 ติดต่อกัน และเป็นมาราธอนที่ 10 ของผมเทียบเวลากับมาราธอนอื่นๆ ยังช้ากว่าจอมบึงมาราธอนอยู่ 3 นาที แต่สภาพแวดล้อมและบรรยากาศมันแตกต่างกัน การแข่งขันนั้นเริ่มปล่อยตัวกันตั้งแต่ตี 2 กันเลยทีเดียวแต่อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าวเหงื่อท่วมตัวตั้งแต่ยังไม่ถึง 5 กม.แรก การเตรียมตัวก่อนแข่งถือว่าดีระดับหนึ่งคือได้ซ้อมยาวหลายครั้งและได้ลงคอร์ทต่อเนื่องรวมทั้งฟิตเนสร่างกายส่วนอื่นๆ ซึ่งลดอาการบาดเจ็บได้ค่อนข้างมาก การออกตัวในระยะ 10 กม.แรกค่อนข้างอืดอาจจะเนื่องจากก่อนปล่อยตัวไม่ถึงชั่วโมงได้รับประทานไปค่อนข้างเยอะทั้งโจ๊ก กาแฟ กล้วยหอม จึงใช้เวลาประมาณหนึ่งในการย่อย เลย 10 กม.ไปแล้วสเต็ปเริ่มมาโดยสามารถวิ่งเกาะแบบทำความเร็วประมาณหนึ่งได้ยาวๆ จนกลับตัวที่ กม. 15 คนให้เกาะก็หายไป สเต็ปช่วงนี้กำลังไหลจึงต้องหาคนเกาะใหม่เปลี่ยนคนเกาะตลอดระยะทางเกือบๆ 20 กม. (เกาะคนอื่นมาถึง กม.30) ช่วงราวๆ กม.26 เป็นช่วงที่เริ่มวิ่งยากเพราะจะต้องมาบรรจบกับนักวิ่งระยะฮาร์ฟช่วงกลางๆ ขบวนจำนวนนักวิ่งฮาร์ฟนั้นมากกว่ามาราธอนสองเท่าจังหวะการว่ิงเริ่มรวนทำความเร็วต่อเนื่องไม่ได้ต้องคอยหลบหลีกตลอดเวลาการเบี่ยงหลบซ้าย ขวาคือการเพิ่มระยะทางโดยใช่เหตุ แต่ก็ยังพยายามทำความเร็วไม่ให้ตกไปกว่าเดิมมากนัก หนีกลุ่มฮาล์ฟกลุ่มใหญ่มาได้ไม่ใช่เล่นๆ เลยทำเอาหมดแรง ถึง กม.30 ลงสะพานพระราม 8 แล้วเลี้ยวซ้ายไปอ้อมวังสวนจิตฯ ช่วงนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะวิ่งยากขึ้นไปอีกทั้งพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบและเอียงสำหรับรองเท้าที่บางเบาขนาดนี้บอกได้เลยสะท้านมาถึงสะโพกเลยที่เดียว ช่วงตั้งแต่ กม.30 ก็ไม่ได้เกาะใครแล้วดูจากสภาพคงเกาะไม่ไหวแล้วใช้บุญเก่าลากสังขารไปให้จบก็พอ



ตลอดระยะทางที่วิ่งไม่กล้าดูนาฬิกาเลยกะมาลุ้นเอาที่จุด Finished ที่เดียว สุดท้ายเข้าเส้นชัยที่เวลา 4 ชั่วโมง 20 นาที นับเป็นอันดับที่ 424 จากทั้งหมดสามพันกว่าคน


บรรยากาศโดยรวมแล้วก็ยังคงสนุกสนานเหมือนเดิมปัญหาหลายๆ อย่างถูกแก้ไขอาจจะด้วยความที่คาดเดามาก่อนว่าจะต้องพบเจออะไรบ้างจึงเตรียมตัวที่จะเผชิญกับมันอย่างเช่นเรื่องน้ำคาดเดาเอาไว้ว่าช่วง กม.30 เป็นต้นไปจะขาดบางช่วงซึ่งก็เป็นจริง เรื่องของกินระหว่างทางก็เตรียมพาวเวอร์เจลให้พอดีไม่ขาดไม่เกิน (ถ้าขาดอาจต้องหยุดวิ่ง ถ้าเกินอาจเป็นภาระ)


สุดท้ายก็จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ แต่อาจจะมีกล้ามเนื้ออ่อนล้าในบางจุด ก็ต้องบำบัดกันต่อไป





ขอขอบคุณภาพจาก คุณนรสิงห์และชมรมวิ่งสนามศุภลาศัย
กาย บูรพาไม่แพ้
16 พฤศจิกายน 2557

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

9 พ.ย.2557 ภาพถ่ายนักวิ่งงาน Thai Health Day Run 2014

Thai Health Day Run 2014 หรืองานวิ่งสู่ชีวิตใหม่ (จริงๆ แล้วแปลไม่ค่อยตรงเท่าไหร่) งานนี้ไม่ได้ไปร่วมวิ่งนะครับ แต่ไปเก็บภาพนักวิ่งมาให้ชมกันเฉยๆ Thai Health Day Run เดิมทีนั้นเป็นงานของคณะกรรมการโอลิมปิดแห่งประเทศไทย ชื่อเดิมที่ผมเคยร่วมวิ่งเมื่อหลายปีก่อนคือ Olympic Day Run แรกๆ จัดกันที่หน้าอาคารองค์การสหประชาชาติ ถ.ราชดำเดินกลาง (ตรงสะพานมัฆวานรังสรรค์) งานนี้ปีที่แล้วไม่ได้จัดเนื่องจากติดปัญหาการชุมนุมทางการเมือง (น่าจะไม่ได้จัดสองปีติดกันถ้าจำไม่ผิด) จนมาปีนี้ทาง สสส.ได้นำมาจัดใหม่โดยร่วมมือกับสมาพันธ์สมาคมวิ่งเพื่อสุขภาพซึ่งมีนายกสมาพันธ์เป็นประธานชมรมวิ่งชมรมหนึ่ง แต่เดิมชมรมนั้นเขามีโครงการโครงการหนึ่งชื่อว่าโครงการ "วิ่งสู่ชีวิตใหม่" วัตถุประสงค์ในการจัดโครงการผมเองก็ไม่ทราบนะ แต่ก็สนับสนุนให้คนมาออกกำลังกายด้วยการวิ่งเพื่อสุขภาพนี่แหละ ชื่องานก็เลยเปลี่ยนมาเป็น Thai Health Day Run ก็ไม่มีอะไรนะเล่าประวัติความเป็นมาของงานคร่าวๆ เฉยๆ เป็นงานที่มีประชาชนมาร่วมวิ่งกันคับคั่งด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง รวมๆ แล้วก็หลักหมื่น ถือว่าประสบความสำเร็จหละครับ

ชมภาพบางส่วนของงานที่ไปถ่ายมานะครับ
ชุดเต็มก็คลิกไปชมตามลิงค์เอาเองเลยครับ

Thai Health Day Run 2014 ชุดที่1
Thai Health Day Run 2014 ชุดที่ 2
Thai Health Day Run 2014 ชุดที่ 3
Thai Health Day Run 2014 ชุดที่ 4
Thai Health Day Run 2014 ชุดที่ 5
Thai Health Day Run 2014 ชุดที่ 6
Thai Health Day Run 2014 ชุดที่ 7














10 พฤศจิกายน 2557
กาย บูรพาไม่แพ้

วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

1 พ.ย.2557 เล่าเรื่องวิ่งเขาชะโงกซุปเปอร์ฮาล์ฟมาราธอน


ไปร่วมงานวิ่งเขาชะโงกซุปเปอร์ฮาล์ฟระยะ 32K ครั้งที่ 20 ครั้งนี้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน การไปร่วมงานครั้งนี้มีปัญหาและอุปสรรคมากมายตั้งแต่ออกเดินทาง โดยตั้งใจออกจากบ้านเร็วเพราะต้องเลยไปดูเหยี่ยวดำที่ อ.ปากพลี นครนายก ก่อนจะย้อนกลับมาที่โรงเรียนนายร้อย จปร. แต่ยังไม่ทันถึงปากพลีก็ประสบอุบัติเหตุเสียก่อนในตัวเมืองนครนายกขณะที่จอดรอรถคันหน้าออกจู่ๆ ก็มีรถกระบะคันใหญ่พุ่งมาชนท้ายอย่างจังทำให้รถไถลไปชนท้ายรถคันหน้าอีกทีและรถคันหน้าก็ไถลไปชนรถคันหน้าอีกรวม 4 คัน รถผมถูกอัดก็อปปี้ทั้งหน้าและหลัง ด้านหน้ากันชนยุบมาถึงหม้อน้ำจนน้ำจากหม้อน้ำไหลออกมาไม่ทราบว่าแตกหรือรั่วหรือไม่ต้องให้ช่างเช็คอีกที ด้านหลังฝาท้ายยุบไฟด้านขวาแตกละเอียด รถขับต่อไปไม่ได้ รอประกันมาเคลียร์ซักพัก รถกระบะยอมรับว่าเบรคไม่ทันจึงไม่ต้องสอบสวนอะไรเพิ่มเติม ซึ่งจะต้องชดใช้ค่าซ่อมให้กับรถทุกคันที่เสียหาย รถผมจะต้องลากเข้า กทม.โดยทางประกันดูแลการลากและประสานงานกับทางอู่ที่ กทม.ให้ (อันนี้รู้ว่าเขาซัมติงกันกับอู่) รถให้ลากไปไว้ที่อู่ก่อนวันจันทร์ที่ 3 พ.ย.ค่อยไปทำเรื่องเคลมเพื่อทำการซ่อมอีกครั้ง ส่วนตัวผมต้องเดินทางต่อไปเขาชะโงก (ยกเลิกการเดินทางไปปากพลีโดยปริยาย)

เคลียร์เรื่องอุบัติเหตุเรียบร้อยก็ได้วานให้คนรู้จักที่มาวิ่งเหมือนกันแวะมารับ ณ จุดที่รถถูกชนและก็เข้าไปโรงเรียนนายร้อย จปร.ด้วยกัน เรามาพักที่นี่โดยการกางเต๊นท์ที่อาคารสระว่ายน้ำที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้ ก็สะดวกสบายดี แต่ก็มีปัญหาคือปีนี้อากาศยังร้อนอยู่ซึ่งต่างจากปีที่แล้วในเดือนเดียวกันนี้อากาศจะหนาวแล้ว จากที่ค่อนข้างร้อนอบอ้าวกลับกลายเป็นว่าจู่ๆ ฝนก็ตกลงมาทำให้ต้องย้ายเต็นท์เข้าร่มกันเป็นพัลวันคืนนั้นนอนหลับไม่ค่อยเต็มที่แต่ก็พอได้นอนอยู่บ้างตื่นมาไม่งัวเงีย

มาถึงเรื่องวิ่ง ปล่อยตีห้าตรง ณ จุดเดิมและไปเส้นทางเดิมทางเรียบ 2 กม.แรก สิ้นสุด 2 กม.ก็ขึ้นเขาลูกแรกเลยชันมากและยาวมากประมาณจากสายตาบางช่วงชันถึง 60-70 องศาระยะทางขึ้นเขาลงเขาก็ราวๆ 1 กม.เศษๆ เล่นซะขาอ่อนกันไปเลยเส้นทางวันนี้ดีกว่าเมื่อปีที่แล้วที่ถนนมีการปรับปรุงใหม่บางช่วงลาดยางใหม่มีขรุขระบ้างเล็กน้อยในบางจุดโดยรวมแล้วดีมาก วิ่งทางเรียบไต่เนินลงเนินมาถึง กม.13 จะต้องข้ามเขาอีกครั้งจุดนี้สั้นๆ แต่ชันมากทำเอาเสียพลังงานไปค่อนข้างมาก จากนั้นก็วิ่งทางเรียบมาตลอดจนกลับตัวที่ กม.20 วกเข้าอ่างเก็บน้ำจุดนี้ กม.23 เริ่มไต่เนินอีกเนินไม่ชันแต่ไต่ขึ้นเรื่อยยาวมากราวซัก 2 กม.ได้แต่พอตอนลงเนินนี่แบบลงแนวดิ่งเลย จากนี้ที่เหลือก็เป็นทางราบอย่างเดียวจนถึงเส้นชัย เวลาที่จุดฟินิชบอกว่า 3:12:05

เป็นเวลาที่ไม่เกินเป้าแต่สิ่งที่ดีกว่าคือวันนี้เข้าเส้นชัยก่อนหมอเฟิร์นแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ณ จุดกลับตัวหลังจากผ่านจุดกลับตัวมาได้ราวๆ ครึ่งๆ กม.เห็นหมอเฟิร์นกำลังมา (เดิมที่ก็ไม่รู้ว่าหมอเฟิร์นมาวิ่ง) รวมๆ แล้วทิ้งห่างอยู่ราวๆ ก็ 1 กม.ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงมาได้จนเกือบจะทันทั้งที่ผมเองนั้นก็ไม่ได้ผ่อนเลยมีเดินกินน้ำบ้างระยะสั้น 5-10 เมตรแล้ววิ่งต่อ ถ้าเป็น 42K คงโดนแซงแล้วก็โดนทิ้งเหมือนที่พัทยาแน่ๆ ทำให้รู้สึกเสียวๆ ว่ากรุงเทพมาราธอนจะแพ้หมอเฟิร์นหรือเปล่า ตอนนี้มีคู่แข่งสองท่านที่ผมจะยอมแพ้ไม่ได้ในกรุงเทพมาราธอนคือ ดร.นาวิน (ข่าวว่าซ้อมมาดีมาก) และหมอเฟิร์นนี่แหละ (ความจริง ดร.กับหมอเฟิร์นเขาไม่รู้หรอกว่าผมจัดเขาไว้ในลิสท์คู่แข่งและความจริงไม่ได้รู้จักกันทางพฤตินัย เพียงแต่ผลจากการวิ่งหลายๆ ปีที่ผ่าน (ระยะมาราธอน) เรา (หมายถึงผม ดร.และหมอเฟิร์น) จะผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะอยู่เป็นประจำ ก็เท่านั้นเองครับ


ขอขอบคุณภาพจาก คุณนรสิงห์
ขอขอบคุณเฮียไหม สนามเทพและซ้อที่ไปรับที่นครนายกและมาส่งตอนกลับ

2 พฤศจิกายน 2557
กาย บูรพาไม่แพ้

สภาพรถ