กรุงเทพมาราธอนปีนี้เป็นปีที่ร่วมวิ่งระยะเต็มปีที่ 3 ติดต่อกัน และเป็นมาราธอนที่ 10 ของผมเทียบเวลากับมาราธอนอื่นๆ ยังช้ากว่าจอมบึงมาราธอนอยู่ 3 นาที แต่สภาพแวดล้อมและบรรยากาศมันแตกต่างกัน การแข่งขันนั้นเริ่มปล่อยตัวกันตั้งแต่ตี 2 กันเลยทีเดียวแต่อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าวเหงื่อท่วมตัวตั้งแต่ยังไม่ถึง 5 กม.แรก การเตรียมตัวก่อนแข่งถือว่าดีระดับหนึ่งคือได้ซ้อมยาวหลายครั้งและได้ลงคอร์ทต่อเนื่องรวมทั้งฟิตเนสร่างกายส่วนอื่นๆ ซึ่งลดอาการบาดเจ็บได้ค่อนข้างมาก การออกตัวในระยะ 10 กม.แรกค่อนข้างอืดอาจจะเนื่องจากก่อนปล่อยตัวไม่ถึงชั่วโมงได้รับประทานไปค่อนข้างเยอะทั้งโจ๊ก กาแฟ กล้วยหอม จึงใช้เวลาประมาณหนึ่งในการย่อย เลย 10 กม.ไปแล้วสเต็ปเริ่มมาโดยสามารถวิ่งเกาะแบบทำความเร็วประมาณหนึ่งได้ยาวๆ จนกลับตัวที่ กม. 15 คนให้เกาะก็หายไป สเต็ปช่วงนี้กำลังไหลจึงต้องหาคนเกาะใหม่เปลี่ยนคนเกาะตลอดระยะทางเกือบๆ 20 กม. (เกาะคนอื่นมาถึง กม.30) ช่วงราวๆ กม.26 เป็นช่วงที่เริ่มวิ่งยากเพราะจะต้องมาบรรจบกับนักวิ่งระยะฮาร์ฟช่วงกลางๆ ขบวนจำนวนนักวิ่งฮาร์ฟนั้นมากกว่ามาราธอนสองเท่าจังหวะการว่ิงเริ่มรวนทำความเร็วต่อเนื่องไม่ได้ต้องคอยหลบหลีกตลอดเวลาการเบี่ยงหลบซ้าย ขวาคือการเพิ่มระยะทางโดยใช่เหตุ แต่ก็ยังพยายามทำความเร็วไม่ให้ตกไปกว่าเดิมมากนัก หนีกลุ่มฮาล์ฟกลุ่มใหญ่มาได้ไม่ใช่เล่นๆ เลยทำเอาหมดแรง ถึง กม.30 ลงสะพานพระราม 8 แล้วเลี้ยวซ้ายไปอ้อมวังสวนจิตฯ ช่วงนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะวิ่งยากขึ้นไปอีกทั้งพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบและเอียงสำหรับรองเท้าที่บางเบาขนาดนี้บอกได้เลยสะท้านมาถึงสะโพกเลยที่เดียว ช่วงตั้งแต่ กม.30 ก็ไม่ได้เกาะใครแล้วดูจากสภาพคงเกาะไม่ไหวแล้วใช้บุญเก่าลากสังขารไปให้จบก็พอ
ตลอดระยะทางที่วิ่งไม่กล้าดูนาฬิกาเลยกะมาลุ้นเอาที่จุด Finished ที่เดียว สุดท้ายเข้าเส้นชัยที่เวลา 4 ชั่วโมง 20 นาที นับเป็นอันดับที่ 424 จากทั้งหมดสามพันกว่าคน
บรรยากาศโดยรวมแล้วก็ยังคงสนุกสนานเหมือนเดิมปัญหาหลายๆ อย่างถูกแก้ไขอาจจะด้วยความที่คาดเดามาก่อนว่าจะต้องพบเจออะไรบ้างจึงเตรียมตัวที่จะเผชิญกับมันอย่างเช่นเรื่องน้ำคาดเดาเอาไว้ว่าช่วง กม.30 เป็นต้นไปจะขาดบางช่วงซึ่งก็เป็นจริง เรื่องของกินระหว่างทางก็เตรียมพาวเวอร์เจลให้พอดีไม่ขาดไม่เกิน (ถ้าขาดอาจต้องหยุดวิ่ง ถ้าเกินอาจเป็นภาระ)
สุดท้ายก็จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ แต่อาจจะมีกล้ามเนื้ออ่อนล้าในบางจุด ก็ต้องบำบัดกันต่อไป
ขอขอบคุณภาพจาก คุณนรสิงห์และชมรมวิ่งสนามศุภลาศัย
กาย บูรพาไม่แพ้
16 พฤศจิกายน 2557
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น