วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2558

13 ธันวาคม 2558 เล่าเรื่องวิ่งโคนมไทยเดนมาร์ค

 

นับจากกรุงเทพมาราธอนมาก็ 1 เดือนพอดีไม่ได้ออกวิ่งงานไหนเลยด้วยภารกิจหลายๆ อย่างที่ต้องทำแต่ก็แอบซ้อมต่อเนื่องมาเป็นระยะถึงจะไม่เข้มข้นเหมือนก่อนกรุงเทพมาราธอนโดยเฉพาะ 2 สัปดาห์หลังมานี่ได้อานิสงส์จากการฝึกพิเศษของทีมนักกีฬาสูงอายุที่จะแข่งต้นปีหน้าให้ผมได้ติดสอยห้อยท้ายการซ้อมไปกับเขาด้วยดูจากคอร์สการฝึกแล้วค่อนข้างหนักหนาสาหัสเลยทีเดียวถ้าทนได้ตลอดการฝึกจนจบคอร์สการเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นแน่นอน การมาวิ่งที่ฟาร์มโคนมฯ นี้ก็ได้รับอานิสงส์นั้นไม่น้อยเลยแม้จะเพียงแค่สองสัปดาห์แต่ผลมันออกมาชัดเจนการวิ่งไต่เนินชันระดับ 30-45 องศาตลอดระยะทางไปกลับ 21 กม.มากกว่า 10 เนินไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผมและยิ่งยากเข้าไปอีกถ้าจะกดเวลาให้ต่ำกว่า 2 ชม.(ปกติทางราบความเร็ว 21 กม.จะอยู่ที่ 1 ชม. 48) แต่ผลจากการทรมานร่างกายในช่วงสองสัปดาห์มันทำให้ผมวิ่งผ่านเนินพวกได้อย่างสบายในตอนที่ยังไม่กลับตัวนึกอยู่ในใจว่าขากลับจะรอดมั๊ยจะช้าลงมั๊ยจะเดินมั๊ย แต่ผลที่ออกมาคือขากลับทำเวลาได้เร็วกว่าขาไปอีกเป็นเรื่องน่าแปลกใจสำหรับผมในตอนนั้น แต่ตอนนี้รู้ซึ้งถึงผลของการฝึกพิเศษที่ผ่านมา


ขอบคุณฟาร์มโคนมไทยเดนมาร์คที่จัดงานดีๆ เส้นทางดีๆ (โหดร้ายไม่แพ้ใคร) ที่นอนดีๆ กลางทุ่งเลี้ยงวัว(แอบหยอดปุ๋ยยูเรียให้ด้วย) ขอบคุณสำหรับการหลงทาง(อีกแล้ว) ขอบคุณเพื่อนๆ นักวิ่ง(ที่คุ้นหน้าเป็นบางคน) ขอบคุณแม่ครัวข้าวต้มอร่อยมากกระดูกอ่อนหมูส้มเคี้ยวกรุบกรับ ขอบคุณชาวมวกเหล็กในถึงแม้ถนนจะคับแคบขรุขระแต่ก็มีรถออกมาวิ่งน้อยมากวิ่งไปกลับนับได้ไม่ถึง 10 คัน



สุดท้ายขอบคุณภาพสวยๆ จากพี่ตุ้มและป็อก ชัตเตอร์รันนิ่ง ครับ
กาย บูรพาไม่แพ้
15 ธันวาคม 2558

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

15 พฤศจิกายน 2558 เล่าเรื่องวิ่งกรุงเทพมาราธอน(ในตำนาน)อีกครั้ง


กรุงเทพมาราธอนปีนี้(2015) เป็นมาราธอนที่ 14 ของผม เคยได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะร่วมวิ่งเป็นปีสุดท้ายเนื่องจากไม่ประทับใจระบบการบริหารและการจัดการของคณะผู้จัดในหลายๆ ด้าน ส่วนจะเป็นอะไรบ้างไม่ขอพูดถึงก็แล้วกันเพราะบ่นไว้ในเฟสบุ๊คก็เยอะแล้ว ครั้งนี้เตรียมตัวนานผิดปกติและซ้อมหนักกว่าทุกครั้งด้วยหวังจะทำลายสถิติตัวเองลงแบบทิ้งความทรงจำกันไว้เลยคือ 3:50 ชม.แต่ผลที่ได้คือกลับกันออกมาที่ 4:23 ซึ่งนอกจากไม่สามารถทำลายสถิติเดิมได้แล้วกลับแย่ลงไปจากเดิมอีก จึงต้องกลับมาวิเคราะห์สาเหตุซึ่งน่าจะมีปัจจัยหลักแค่สองประการคือ 1.การพักผ่อน 2.สภาพอากาศ และปัจจัยอีกเล็กน้อยคือเครื่องแต่งกายที่ดูขัดแย้งกับสภาพอากาศเหลือเกิน จะว่าไปหลายคนก็มีสภาพที่ไม่แตกต่างกันนักแสดงให้เห็นว่าปัจจัยหลักที่มีผลมากที่สุดที่ทุกคนจะต้องประสบเหมือนๆ กันคือสภาพอากาศ


ณ โอกาสนี้ก็ขออำลาสนามกรุงเทพมาราธอนไปซักระยะหนึ่งจนกว่าจะเห็นแนวโน้มว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ขอโอกาสให้ผมได้ร่วมงานดีๆ มีคุณภาพมาตรฐานสากลระดับประเทศ ตั้งแต่สมัครจนถึงรับเสื้อฟินิชเชอร์ซักครั้งในชีวิตก่อนอำลาสนาม


ขอขอบคุณภาพจาก เวบไซต์ซัตเตอร์รันนิ่ง เวบไซต์ชมรมวิ่งบางขุนเทียน Refill Marathon
กาย บูรพาไม่แพ้
17 พฤศจิกายน 2558

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

1 พ.ย. 2558 เล่าเรื่องวิ่งฮาล์ฟมาราธอนที่ Mega Bangna

งานนี้เมกาบางนาร่วมกับพรูเดนเชียลประกันชีวิตร่วมกันจัดงานโดยรายได้ไม่หักค่าใช้จ่ายบริจาคเป็นการกุศลใช้ชื่องานว่าเป็นงานระดับอินเตอร์เนชันแนลด้วย เหตุที่ร่วมวิ่งงานนี้ด้วยราคาค่าสมัคร 600 บาทก็เนื่องจากเห็นว่าผู้จัดไม่ได้เห็นแก่ค่าสมัครแพงๆ ถ้างานนี้ค่าสมัคร 600 บาทแล้วหักค่าใช้จ่ายก็คงจะไม่สมัครสู้ไปนั่งถ่ายรูปฟรุ้งฟริ้งจะดีกว่า


พื้นที่จัดงานก็คงไม่ได้ใหญ่โตไปกว่างานวิ่งทั่วๆ ไปแต่ที่มีมากกว่าคือลานจอดรถที่ไม่ต้องเบียดเสียดแย่งที่จอดกันแถมรถบริการฟรีที่วิ่งเป็นประจำทุกวันก็จัดเที่ยวพิเศษให้ด้วยเป็นบริการที่น่าประทับใจ เวลาปล่อยตัวคือตีห้าตรงที่ดีกว่าคือไม่มีการกล่าวเปิดงานใดๆ ทั้งสิ้นประธานมีหน้าที่กดแตรลมปล่อยตัวนักวิ่งอย่างเดียว เกิดความสับสนในเรื่องเส้นทางในช่วง กม.แรกจะต้องวิ่งข้ามรั้วกั้นทางเพื่อสวนทางขึ้นเกือกม้าไปยังถนนบางนา-ตราดฝั่งขาออก ตอนนี้ก็ยังสงสัยอยู่ว่าใครเป็นคนแรกที่พาวิ่งข้ามรั้ว แล้วกลุ่มนำเขาไปทางไหน รถนำทางมันจะข้ามรั้วไปได้อย่างไรยังหาคำตอบไม่ได้


ตามเส้นทางวิ่งนั้นจะต้องวิ่งบนถนนบางนา-ตราดฝั่งขาออกทั้งไปแล้วกลับซึ่งถนนจะปิด 100% ตั้งแต่สี่แยกบางนาถึงสี่แยกวัดกิ่งแก้ว(บางพลีใหญ่) หลังจากลงจากเกือกม้าต้องวิ่งไปทางบางพลีราวๆ 5 กม.ถึงแถวๆ หน้าเชียงกงก็กลับตัวมาผ่านหน้าเมกาอีกรอบแล้ววิ่งเลยไปทางบางนา ผ่านหน้าราม2 มานิดหน่อยป้ายบอกทางว่า 8 กม.อุ๊ต๊ะ จีพีเอสจับได้ 10 กม.เวรกรรมรอลุ้นท้ายๆ ว่าป้ายจะถี่ลงมั๊ยถ้าไม่ก็ทำใจไว้ว่าจะได้วิ่ง 23 กม.เป็นแน่แท้ วิ่งมากลับตัวอีกทีก่อนถึงสี่แยกบางนาราวๆ 1.5 กม.(ในใจก็คิดว่าวิ่งมาถึงหน้าบ้านแล้วไม่วิ่งกลับได้มั๊ย) เฝ้ามองป้ายบอกระยะตลอดเวลายังคงห่างอยู่ 2 กม.เหมือนเดิม กม.ที่ 16 จากจีพีเอสลดความเร็วลงมานิดหน่อยจากที่วิ่ง เพจ 5 ต้นๆ มาเพจ 5 ปลายๆ เซฟแรงเผื่อ 2 กม.ที่เกิน กม.18 ได้แตงโม ได้เพาเวอร์เจลเสริมแรงแถมเจอกลุ่ม 10K กลับตัวก็กลับมาวิ่งที่เพจ 5 ต้นๆ อีกครั้งลากยาวจนจบรวมระยะจากจีพีเอส 23.4 กม.ถ้าวัดแค่ระยะมาตรฐาน 21.1 กม.ใช้เวลาไป 1 ชม.45 ทีน่าจะเป็นนิวพีบีมั้ง แต่ถ้ารวมระยะทั้งหมด 23.4 กม.ก็ใช้เวลาไป 1 ชม.57 นาที เพจเฉลี่ย 5.02 (5 นาที 2 วินาทีต่อ 1 กม.)


อาหารหลังวิ่งก็ตามมาตรฐานของจ็อกแอนด์จอยแต่ไม่อยากต่อแถวนานเลยหาแถวที่สั้นที่สุดคือแถวของเฉาก๊วย วิ่ง 20 กว่า กม.วันนี้ไม่รู้สึกว่าเหนื่อยหรือโหยซักเท่าไหร่อาจจะเพราะว่าได้กินก่อนเกือบครึ่ง ชม.ระหว่างทางมีน้ำเพียงพอหยิบเพาเวอร์เจลออกใช้ในระยะที่เหมาะสมนี่คือสิ่งที่อยากให้เป็นในการวิ่งระยะฟูลที่จะถึงนี้.....ด้วยความหวังว่าจะวิ่งด้วยเพจ 5 กลางๆ จนจบ 42K


ขอขอบคุณภาพจาก
คุณวิมล ชมรมวิ่งภูติอนันต์ (อ่านว่า พู-ติ นะมีคนอ่าน พูด ออกอากาศด้วย)
คุณแจ๊ค วัฒนา เวบไซต์ชัตเตอร์รันนิ่ง

กาย บูรพาไม่แพ้
2 พฤศจิกายน 2558

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2558

20 ก.ย. 2558 เล่าเรื่องวิ่งมาราธอนควีนคัพสนามที่ 2

CW-X Marathon Queen Cup สนามที่ 2 จัดที่เจปาร์คศรีราชา จ.ชลบุรี อยู่ติดกับถนนสายชลบุรี-พัทยา สายใหม่ บางคนเรียกมอเตอร์เวย์จริงๆ มอเตอร์เวย์สิ้นสุดแถวๆ แยกบ้านบึงหรือจุดที่มาบรรจบกับสายบายพาส (ชลบุรีจะมีถนนสายหลักผ่าน 3 เส้นคือ 1.สุขุมวิทที่ตัดผ่านเมืองชลบุรี 2.ทางเลี่ยงเมืองหรือบายพาส 3.มอเตอร์เวย์)

J Park เป็นแหล่งจับจ่ายสิ่งของเครื่องใช้ และร้านอาหารแนวญี่ปุ่น อาคารสถานที่ก่อสร้างและตกแต่งตามรูปแบบบ้านญี่ปุ่น จะเรียกว่าเป็นห้างสรรพสินค้าก็คงไม่ใช่จะเรียกว่าอะไรดีเรียกไม่ถูก จุดประสงค์ก็น่าจะมาจากพื้นที่แถบนี้มีคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่เยอะโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มากมายล้วนเป็นอุตสาหกรรมจากญี่ปุ่นแทบทั้งนั้น ติดกันนี้มีโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นขั้นสูงอยู่ด้วย ใกล้ๆ นี้ก็มีศูนย์วัฒนธรรมญี่ปุ่น นับได้ว่าเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ชาวญี่ปุ่นโพ้นทะเลกันเลย



รูปแบบอาคารก็เป็นแบบบ้านญี่ปุ่นสมัยใหม่นี่แหละแต่จะเป็นบ้านในแถบชนบท ร้านค้าต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นร้านของคนไทยสิ่งของเครื่องใช้ก็เป็นแบบไทยๆ จะมีแค่ร้านเฟรนไชด์ญี่ปุ่นร้านเดียวคือร้านไดโซะ ร้านอาหารส่วนใหญ่เป็นร้านสไตล์อาหารญี่ปุ่นมีทั้งร้านที่เป็นของคนไทยและร้านของคนญี่ปุ่นแท้ๆ



มีพื้นว่างๆ สำหรับพักผ่อนหรือให้เด็กๆ วิ่งเล่น ผู้ใหญ่ถ่ายรูป ยามที่แดดแรงๆ จะไม่ค่อยร่มรื่น มีต้นไม้ใหญ่ๆ ที่เป็นร่มเงาไม่กี่ต้นเหมาะสำหรับการมาพักผ่อนยามเย็นมากกว่า



และที่ขาดไม่ได้สำหรับบ้านญี่ปุ่นคือน้ำและบ่อปลาคาร์บ



มาพูดถึงเรื่องวิ่งบ้างเหตุที่ต้องพูดถึงเจปาร์คก็เพราะว่าการจัดงานวิ่งครั้งนี้จัดกันที่เจปาร์คนี่แหละ Shop CW-X ในเจปาร์คนี้เป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดงาน เป็นการจัดงานที่ค่อนข้างกระชับรวดเร็ว ระยะฟูลมาราธอนปล่อยตัวตีสามครึ่งไม่มีการกล่าวเปิดงานใดๆ ทั้งสิ้น (ไม่รู้ว่าระยะอื่นๆ เขากล่าวเปิดงานกันมั๊ย) มาถึงงานก่อนปล่อยตัวเกือบสองชั่วโมงเหตุจากไม่ถามเวลาปล่อยให้แน่ใจก่อนโบรชัวร์บอกปล่อยตีสองครึ่งก็มาก่อนตีสองครึ่งนิดหน่อยมาถึงงานก็ไม่มีใครเลย ต้องคั่นเวลา(แก้เขิน)ด้วยการช่วยพี่ตุ้ม ชัตเตอร์รันนิ่งขนของจัดบู๊ตถ่ายภาพจะเสร็จ

สรุปรวมๆ เส้นทางวันนี้ค่อนข้างดีใช้เส้นทางศรีราชา-อ่างเก็บน้ำบางพระป่าไม้ร่มรื่นตลอดทางเป็นทางราบ 90% ที่เลี้ยวลดคดเคี้ยวทางโค้งเยอะมากแต่ละโค้งก็ลาดเอียงไม่ต่ำกว่า 30 องศา ดูเหมือนไม่ได้สร้างปัญหาอะไรแต่บอกเลยมันตัดกำลังขาไปได้มาก เนินขึ้นอ่างเก็บน้ำบางพระ กม.ที่ 20-21(ขาไป) และ 23-24(ขากลับ) สร้างปัญหาได้มากเลยทำแรงตกไปเยอะ  4 กม.สุดท้ายเป็นทางปูน กม.ที่ 39-41 เหมือนเป็นทางราบแต่ทำไมมันหน่วงๆ ขายกไม่ขึ้นดูดีๆ มันเป็นทางไต่ระดับขึ้นทีละนิดเหมือนเป็นเนินเล็กๆ แต่ยาวมากๆ และเป็นช่วงสุดท้ายที่แรงไม่เหลือแล้วโดนกลุ่ม 32K แซงไปหลายคน

สุดท้ายก็จบที่เวลา 4 ชม.20 นาทีแบบสาหัสเบาๆ (งานนี้ทำเอาเหนื่อยเลย) ที่ 23 จากกี่คนไม่รู้ไม่น่าถึงร้อย



ขอขอบคุณภาพจากพี่ตุ้ม ชัตเตอร์รันนิ่ง (ภาพเจปาร์คนั้นถ่ายเองนะ)
กาย บูรพาไม่แพ้
21 กันยายน 2558

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2558

6 ก.ย. 2558 เล่าเรื่องวิ่งบ้านแพ้ว


เป็นครั้งแรกที่ได้มาร่วมงานวิ่งที่บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ระยะทางจากบางนาถือว่าไม่ไกลและไม่ใกล้ใช้เวลาขับรถราวๆ 1 ชม.ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. (ถ้าไม่หลง) โดยมีแรงจูงใจคือคนที่เข้าเส้นชัย 1 พันคนแรกจะได้กินน้ำมะพร้าวน้ำหอมคนละ 1 ลูกถ้วน (แวะซื้อข้างทางลูกละ 10 บาทอร่อยกว่ามั๊ยไม่ต้องเหนื่อย) เริ่มจากออกเดินทางก็หลงซะแล้วถึงสองครั้งสองคราวครั้งแรกหลังจากแวะรับน้องที่ยศเสมาขึ้นทางด่วนที่ยมราชก็ขึ้นผิดช่องปกติจะต้องวิ่งมาทางสะพานแขวนเลยแต่กลับเข้าช่องไปแจ้งวัฒนะคิดว่าไม่เป็นไรก็อ้อมเอาหน่อยไปทางดินแดงละกันพอถึงทางแยกที่จะต้องไปเบี่ยงออกไปคลองเตย-บางนาก็ขับเลยอีกคราวนี้วิ่งตรงไปทางพระราม 9 อีก คิดหนักเลยจะไปออกทางไหนอีก แต่ด้วยประสบการณ์การแก้ไขปัญหาเวลาหลงทางจึงทำใจนิ่งๆ ไว้ตอนนี้ตีสี่รถไม่ติดแน่นอนตัดสินใจลงทางด่วนที่ด่านพระราม 9 เลี้ยวซ้ายมาทางสี่แยกพระราม 9 เลี้ยวซ้ายอีกทีไปทางดินแดงไปเรื่อยๆ จนไปออกพญาไทแล้วไปตามถนนพญาไทจนถึงสามย่านผ่านสีลม สวนลุม ไปขึ้นทางด่วนด่านพระราม 4 ขึ้นสะพานแขวนแวะรับน้องอีกสองคนที่พระราม 2

บ้านแพ้วจำได้ว่าเคยผ่านแต่นานมากแล้ว ขับรถบนถนนพระราม 2 ไปเรื่อยๆ ดูป้ายบอกทางนานแล้วทำไมไม่เห็นมีป้ายบอกไปบ้านแพ้วซะทีใจหนึ่งก็ถามตัวเองว่าเลยหรือยังใจหนึ่งก็คิดว่ายังความคิดเริ่มจะไม่สามัคคีกันที่คิดว่าเลยเพราะว่าขับมาไกลแล้วแต่ที่คิดว่ายังไม่ถึงเพราะว่ามันต้องเลยตลาดมหาชัยไปซักหน่อย ถ้าสงสัยว่าทำไมไม่เปิดจีพีเอสนำทางบอกได้เลยว่าเปิดครับแต่มันไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร ในที่สุดก็เจอป้ายบอกทางไปบ้านแพ้วจากกรุงเทพมาถึงนี่เห็นมีอยู่ป้ายเดียวจริงๆ ต้องไปกลับรถใต้สะพาน ตอนนี้นึกถึงแผนที่อย่างเดียวตามแผนที่บอกเลี้ยวซ้ายข้าง รพ.บ้านแพ้ว ในแผนที่จาก รพ.ไปวัดมันใกล้นิดเดียวแต่ความเป็นจริงราวๆ 5 กม.ได้


มาถึงที่วัดหลักสี่ตีห้าพอดีเวลาปล่อยตัวตีห้าครึ่งดีที่จอดกว้างขวางหาที่จอดได้ง่ายมีเวลาเตรียมตัวยืดเหยียดพอประมาณตามประกาศเตือนของพิธีกรขู่ว่าเส้นทางวิ่งสะพานเยอะมากเอาชีวิตรอดกลับมาให้ได้เหมือนจะพากันไปออกรบนะ สิ่งที่ลืมในวันนี้คือซื้อช็อคโกแล็ตมาแล้วไม่ได้กินทำให้ช่วง 10 กม.แรกไม่ค่อยมีแรงมีเพาเวอร์เจล 1 ซองแต่ต้องไว้กินหลัง 10 กม.แล้วเท่านั้นทำให้ 10 กม.แรกนี้ค่อนข้างเหนื่อย 10 กม.หลังกว่าเพาเวอร์เจลจะทำงานก็รอไปราวๆ 5 กม.เหลือ 5 กม.สุดท้ายแรงเริ่มกลับคืนทำความเร็วได้ดีต่อเนื่องแต่เวลาก็ยังหลุดโลกไปอีกจนเกิน 1 ช.ม. 50 นาที



สาเหตุที่เวลาไม่ได้ดีวันนี้มีสามอย่างคือ 1.ไม่ได้กินรองท้องมีผล 5% 2.สะพานเยอะมีผล 5% 3.น้ำหนักอุปกรณ์(สายคาดเอว+ขวดน้ำ) มีผล 10% ข้อ 1.เป็นเพราะความประมาท ข้อ 2.เป็นอุปสรรคตามปกติที่เราเลี่ยงไม่ได้ ข้อ 3.ถ้าอยากวิ่งทำเวลาไม่ควรใช้ งานนี้ได้ทั้งปัญหาและทแนวทางการแก้ไขก็ถือว่าไม่เสียเที่ยวครับ



ขอขอบคุณภาพจาก พี่เตือน เฮียสุเทพ บางขุนเทียน พี่แจ็ค วัฒนา ชัตเตอร์รันนิ่ง
กาย บูรพาไม่แพ้
10 กันยายน 2558

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2558

12 ส.ค. 2558 เล่าเรื่องวิ่งตรีมิตร(วิ่งเพื่อแม่)


12 สิงหามหาราชินีวันนี้เป็นวันแม่แห่งชาติมีงานวิ่งที่จัดเป็นประจำอยู่หลายงานปีนี้ไปร่วมวิ่งที่โรงเรียนเซนต์ปีเตอร์(ตรีมิตร) แถวๆ บางแวก พุทธมณฑลสาย 1 โรงเรียนนี้เคยมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อสองปีที่แล้วเป็นงานวิ่งของบ้านบางแค คราวนั้นมาหลงอยู่หลายรอบหลงอยู่ในซอยบางแวก จรัลฯ ราชพฤกษ์ กว่าจะหาโรงเรียนเจอก็เกือบปล่อยตัวนักวิ่งแล้วสรุปว่าเข้าผิดทาง มาคราวนี้ไม่อยากบอกเลยว่าหลงอีกแล้วหลงตั้งแต่ลงจากลอยฟ้าบรมชนนีแล้วเลี้ยวเข้าราชพฤกษ์เลยพอรู้ตัวว่าหลงต้องรีบหาซอยบางแวกเลยเพราะรู้ว่าซอยบางแวกยาวตั้งแต่จรัลฯไปถึงสาย1 วิ่งไปตามซอยบางแวกเรื่อยๆ ก็จะถึงทางเข้าโรงเรียนก่อนออกสาย1 เล็กน้อย

งานวันนี้มีนักวิ่งมาร่วมงานเยอะอยู่พอสมควร ส่วนหนึ่งคงหนีงานในเมืองที่ผู้คนแออัดยัดเยียดแต่หารู้ไม่ว่าจะต้องมาเจออะไรที่แออัดกว่าไม่นึกว่าจะมากันเยอะขนาดนี้ ตอนแรกหวังจะมาทดสอบเวลาดูแต่ว่านอนมาน้อยและไม่ได้กินอะไรรองท้องคิดว่าเวลาคงจะไม่ได้เอาเป็นว่าวิ่งเพื่อสุขภาพเหมือนเดิมละกัน

วันนี้ออกตัวค่อนข้างแรงประมาณเพจ 4 ต้นๆ แล้วแรงก็ค่อยๆ อ่อนลงตามระยะทาง เส้นทางวันนี้เปลี่ยนไปจากคราวที่แล้วที่บ้านบางแคนั้นหลังจากกลับตัวต้องวิ่งเข้าหมู่บ้านอะไรซักอย่าง ออกมาจากหมู่บ้านแล้วค่อยกลับตัวใต้สะพานอีกทีไม่ได้ขึ้นสะพานสูงเลยซักสะพาน แต่คราวนี้ไม่ได้เข้าหมู่บ้านวิ่งตรงไปสะพานข้ามซอยบางแวกซึ่งสูงมากวิ่งตรงไปขึ้นอีกสะพานเป็นสะพานข้ามแยกหรือคลองอะไรซักอย่างซึงก็สูงพอๆ กัน พอลงสะพานแล้วก็ไปเลี้ยวซ้ายถนนตัดใหม่ที่ไม่รู้ชื่อยังทำไม่เสร็จดีมองเห็นสะพานอยู่ไกลๆ อีกก็เริ่มท้อไม่นึกว่าวิ่งวันนี้จะเจออะไรที่ยากกว่าวิ่งมาราธอนบนทางลอยฟ้าบรมชนนี ต้องลงสะพานที่ 3 ก่อนถึงจะกลับตัวตอนนี้เริ่มคิดในใจขากลับต้องขึ้นสะพานอีก 3 สะพาน เวลามันหลุดตั้งแต่ขึ้นสะพานที่ 2 แล้ว คนที่รู้จักทะยอยแซงไปทีละคนสองคนปากก็ทักเขาไปงั้นๆ ไม่มีแรงจะไล่ตามจนมีแรงฮึดสู้อีกครั้งโดนพี่อาร์ตนักเดินทนระดับประเทศ(มือวางอันดับ 3 ของประเทศไทย) กำลังจะแซง ถ้าพี่อาร์ตวิ่งจะยอมให้แซงแต่โดยดีแต่นี่พี่แกเดินยังจะแซงเราอีกใครจะไปยอม หลอกล่อพี่อาร์ตด้วยการชวนคุยไป 1 ยก พอใกล้ถึงเส้นชัยก็รีบจ้ำหนีอย่างรวดเร็วเข้าเส้นชัยไปก่อนเลย

ดูเวลาแล้วหลุดจาก 50 นาทีไปเยอะพอสมควรความจริงเวลาขนาดนี้มันไม่เหนื่อยขนาดนี้นะคงมีปัจจัยหลายอย่างรวมกัน วิเคราะห์แล้วคราวหน้าคงจะเตรียมตัวได้ดีกว่านี้

สรุปว่างานการกุศลของกินต้องเยอะเป็นธรรมดาแต่กินไม่ลงขอข้าวต้มบอกคนตักเอาน้อยๆ แกก็ตักให้ติ๊ดเดียวก็ยังกินไม่หมด ของขายก็เยอะหมดไปหลายบาทเหมือนกัน รองเท้ามิตซูโน่ ไรเดอร์ 2 พันบาทน่าซื้อตัดสินใจอยู่ว่าจะเอาสเปซเซอร์หรือไรเดอร์ดีใส่แค่ซ้อมไรเดอร์น่าจะดีกว่าเพราะราคาเบาๆ สเปซเซอร์ราคาก็ x2 ไม่เบาๆ ละ

จบนะ.....



ขอขอบคุณภาพจาก
คุณวิมล ชมรมวิ่งภูติอนันต์
พี่เตือน ชมรมวิ่งบางขุนเทียน
กาย บูรพาไม่แพ้
14 สิงหาคม 2558

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

26 ก.ค. 2558 เล่าเรื่องวิ่ง 19 ปีจ็อกแอนด์จอย


ครบรอบ 19 ปีจ็อกแอนด์จอยออร์แกไนซ์จัดงานวิ่งและอื่นๆ ไม่รู้อะไรบ้างรู้แต่จัดงานวิ่งอย่างเดียว งานนี้แบ่งรุ่นโดยใช้น้ำหนักนักวิ่ง น่าจะเป็นเจ้าแรกที่แบ่งรุ่นแบบนี้ซึ่งเริ่มมาเมื่อซัก 3-4 ปีที่แล้วจะว่าไปนักวิ่งเก่งๆ ก็ไม่ค่อยเกี่ยงเรื่องน้ำหนักซักเท่าไหร่ จะซีเรียสก็นักวิ่งแนวกลางๆ ที่หวังจะมีโอกาสรับถ้วยกะเขาบ้างก็พยายามทำน้ำหนักกันให้อยู่ในรุ่นที่คิดว่าวิ่งดีที่สุด แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น เนื่องจากช่วงน้ำหนักแต่ละรุ่นค่อนข้างกว้างคนที่น้ำหนักอยู่ช่วงกลางๆ ของรุ่นจะได้เปรียบเพราะไม่ต้องทำน้ำหนักเพิ่มหรือลด จะเพิ่มจะลดให้ตายยังไงมันก็คงไม่หลุดจากรุ่นไปทรมาณร่างกายเปล่าๆ คนที่น้ำหนักอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวนี่ก็พอจะเพิ่มหรือลดได้แต่ +- เกิน 2 ก.ก.นี่แย่เลยนะอย่างเช่นเกณฑ์เขาแบ่ง 46-59 ก.ก. คนที่น้ำหนัก 59 พอดีทำเพิ่มอีก 1 ก.ก.ก็จะข้ามไปอีกรุ่นแต่อย่าลืมว่าก่อนวิ่งเราทำน้ำหนักได้ 60 ก.ก.พอวิ่งเสร็จอาจจะไม่ได้ 60 ก.ก.นะถึงจะวิ่งเข้ามาคนแรกแต่ตอนชั่งน้ำหนักหากไม่เข้าเกณฑ์รุ่น 60 ก.ก.ก็ฟาวล์นะครับต้องเผื่อไว้อย่างน้อย +3 ขอบอกเลยว่าจากคนที่วิ่งด้วยน้ำ 59 ก.ก.โดยธรรมชาติแล้วทำน้ำหนักไปวิ่งที่น้ำหนัก 62 ก.ก.มันต้องเข็นแรงขึ้นไปเท่าไหร่ถึงจะวิ่งให้ได้เท่าเดิม เหนื่อยครับส่วนมากจะไม่รอดไม่ยางแตกก่อนก็หมดสภาพ ดังนั้นคนที่วิ่งตามธรรมชาติมักจะได้เปรียบกว่า

เหตุที่ผมเลือกไปวิ่งงานนี้ไม่ได้ต้องการวิ่งตามน้ำหนักอะไรนะครับ คือมันใกล้บ้านและพึ่งเสร็จศึกพัทยามาราธอนมาหมาดๆ แค่อยากทดสอบร่างกายว่ากลับมาปกติหรือยัง ผลก็คือกลับมาปกติดีคือเวลาในระยะ 10K ไม่ได้หายไปเพียงแต่มันยังไม่ดีขึ้นเท่านั้นเอง

ก็ขอจบแบบห้วนๆ แค่นี้แหละ ...

ปล.ภาพตอนวิ่งมีแต่ไกลๆ ไม่ติดโฟกัส รูปชัดๆ ต้องรอสักพัก ตากล้องมาน้อยเพราะฝนตก
กาย บูรพาไม่แพ้
29 กรกฎาคม 2558

วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

19 ก.ค. 2558 เล่าเรื่องวิ่งพัทยามาราธอน(อีกครั้ง)


พัทยามาราธอนปีนี้ (2558) ได้มาร่วมวิ่งระยะเต็มเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันเสน่ห์ของพัทยามาราธอนไม่ได้อยู่ที่กระบวนการหรือขั้นตอนการจัดงานแต่มันกลับไปอยู่ที่เส้นทางการแข่งขันต่างหาก จริงอยู่ตามที่เราๆ ได้รู้ๆ กันว่าระบบการจัดการการเตรียมงานนั้นมีปัญหาตลอดมาตั้งแต่การประกาศวันจัดการแข่งขัน วันเริ่มรับสมัครที่กระชั้นชิด วันลงทะเบียน การให้เงินรางวัล และอีกมากมาย แต่ผู้จัดก็พยายามปรับปรุงนะผมว่าพยายามตอบคำถามอธิบายข้อสงสัยต่างๆ ผู้ร่วมแข่งขันต่างก็ได้รับผลกระทบแตกต่างกันไป ส่วนผมถือว่าไม่เป็นไรเห็นความพยายามแล้วผมก็รู้สึกโอเคถึงแม้บางอย่างจะทำให้ผมลำบากอยู่บ้าง เช่น ต้องขับรถจากกรุงเทพฯ ไปสมัครที่เมืองพัทยาก่อนกำหนดขึ้นราคาแต่หลังจากเลยกำหนดแล้วยังมีการเปิดรับสมัครราคาเดิมที่งานวิ่งงานหนึ่งในกรุงเทพฯ เป็นต้น (ไป-กลับ 200 กว่า กม.นะ) แต่ก็ไม่เป็นไรวันนั้นมีเพื่อนๆ ฝากไปสมัครด้วยหลายคนก็ไม่ได้ทำให้เสียเวลาวันหยุดไปมากมายนักเอาเป็นว่าหยวนๆ

วันออกเดินทาง (18 ก.ค.) ค่อนข้างสะดวกแต่ไม่สบายเพราะขับรถไปเอง สะดวกที่เป็นรถส่วนตัวแต่ไม่สบายที่ต้องขับไกลๆ อาศัยว่านอนเต็มที่ก็เลยไม่รู้สึกเหนื่อย เลือกเส้นทางไปที่ไม่เสียตังค์คือถนนบางนา-ตราด (ใต้ด่วนบูรพาวิถี) เพราะรู้ว่าถนนด้านล่างทำใหม่เสร็จเกือบตลอดเส้นทางแล้วไปได้เรื่อยๆ เหมาะกับคนขับรถไม่เร็ว สุดถนนบางนา-ตราดก็ออกเส้นบายพาสชลบุรีตรงสู่พัทยาเลยจนถึงที่พักพัทยาสายสอง ซ.11-12 เช็คอินเรียบร้อยรอเพื่อนๆ มาครบก็ออกไปเตร็ดเตร่สถานที่จัดงานเดินไปเดินมาก็เสียตังค์อีกจนได้ก็หลายบาทอยู่ รู้สึกสบายใจแล้วก็กลับที่พักแวะซื้อข้าวรถเข็น 1 กล่องกับขนมเซเว่นอีกเล็กน้อยเป็นเสบียง


คืนก่อนแข่งตั้งใจเข้านอนเร็วราวๆ 2 ทุ่มก็เข้านอนทั้งที่เพื่อนๆ ยังไม่กลับมาเลย แต่ก็นอนไม่ค่อยหลับอาจจะเพราะอะไรหลายๆ อย่าง เช่น สถานที่ เสียงจากข้างนอก เสียงแอร์(ดังมากจนไม่ได้ยินเสียงฝนตก) หลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืน ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่ตีสองครึ่ง แต่ตีสองก็ตื่นมาอาบน้ำแล้ว (กลัวหลับต่อแล้วเลย) ชะโงกหน้าออกมาดูรถที่จอดไว้ริมถนนสายสองหน้าโรงแรมตกใจรถฝั่งนี้มันหายไปหมดเลยหายไปอยู่อีกฝั่งของถนนคงจะโดนเทศกิจเมืองพัทยาลากไปเนื่องจากถนนเส้นนี้เป็นเส้นทางแข่งขันด้วย

อาบน้ำแต่งตัวเสร็จออกไปที่เซ็นทรัลบีชถาม รปภ.ว่าเอารถมาจอดได้หรือยัง รปภ.บอกว่าเอาเข้ามาจอดได้เลยก็เลยจ็อกกลับไปอีกรอบย้ายรถเข้ามาจอดในเซ็นทรัลน่าจะปลอดภัยกว่า เสร็จสรรพเรียบร้อยก็เป็นเวลาตีสามพอดีเหลืออีกครึ่งชั่วโมงก็จะปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอนมีเวลาเหลือพอที่จะยืดเหยียดกินกาแฟ อัดช็อคโกแล็ตให้อยู่ได้ 10 กม.แรก คำนวณไว้ล่วงหน้าแล้วว่ามีเพาเวอร์เจล 4 ซองจะกินซองแรกที่ 10 กม. ซองที่สอง 20 กม. ซองที่สาม 30 กม. ซองสุดท้ายก่อน 40 กม.

ปล่อยตัวเวลาตีสามครึ่งพอดีปีนี้มีเปลี่ยนเส้นทางนิดหน่อยจากเดิมปีที่แล้วออกจากจุดสตาร์ทหน้าเซ็นทรัลพัทยาบีชไปพัทยาเหนือแล้ววิ่งตรงไปออกสุขุมวิทเปลี่ยนมาเป็นแทนที่จะวิ่งตรงตามถนนพัทยาเหนือก็มาเลี้ยวเข้าพัทยาสายสองตรงวงเวียนปลาโลมาแล้ววิ่งยาวมาออกพัทยาใต้จากนั้นถึงจะออกถนนสุขุมวิทตรงถนนพัทยาใต้นี่เอง สาเหตุที่เปลี่ยนเนื่องจากบริเวณแยกพัทยากลางมีการก่อสร้างอุโมงค์ข้ามแยกไม่สะดวกที่วิ่งผ่านก็เลยเลี่ยงมาใช้พัทยาสายสองแทน จากนั้นก็วิ่งไปตามเดิม

สิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นในปีนี้คือการมี Pacer วิ่งนำมีตั้งแต่ 4 ชม. 4 ชม.ครึ่ง 5 ชม. 5 ชม.ครึ่งและ 6 ชม. อันตัวผมนั้นเดิมทีตั้งใจจะวิ่งตำกว่า 4 ชม.ก็เลยเกาะตาม Pacer 4 ชม.ไปเรื่อยๆ เกาะไปได้สักพักรู้สึกว่า Pacer วิ่งเร็วไปมั๊ยตามได้ 6 กม.รู้สึกว่าวิ่งขึ้นเนินมาตลอดจนมาถึงถนนสุขุมวิทตามมาได้ซัก 8 กม.ก็เริ่มปล่อยให้ Pacer ล่วงหน้าไปก่อนอาศัยตามไปห่างๆ บนถนนสุขุมวิทมองไปข้างหน้าไฟส่องทางมันเรียงรายอยู่บนฟ้าโน้นมันต้องวิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ แบบไม่มีลงเลยจะมีบ้างก็ระยะสั้นๆ แล้วก็ขึ้นอีกยาวๆ คิดได้เช่นนี้ก็สายเกินไปเสียแล้วหลงวิ่งตาม Pacer จนหมดแรงเองความจริงมันต้องค่อยๆ ไปขากลับค่อยอัดทางลงอย่างเดียว

ในเมื่อหมดตั้งแต่ขาไปขากลับมันก็เร่งไม่ขึ้นแล้วครับที่ทำได้คือเคาะมาเรื่อยๆ แบบไม่ช้าไม่เร็วแอบเดินกินน้ำกินแตงโมบ้างพักแรงเอาไว้ขึ้นสองเนินสุดท้ายเคาะมาถึง กม.30 เวลาอยู่ที่ 3 ชม.แอบตกใจเล็กน้อยเวลายังดีอยู่ไม่ขี้เหร่นักที่เหลือ 12 กม.นี่จะเอายังไงมันเร่งไม่ขึ้นแล้วถ้าเคาะไปเรื่อยๆ แบบนี้โอกาสหลุดก็มากอยู่ Pacer ก็ห่างไปจนลับตาแล้ว สุดทนแล้วก็ต้องทำใจปีนี้ทำไม่ได้ก็คือไม่ได้พลาดที่เราเองวางแผนไม่ดี 8 กม.สุดท้ายก็ปล่อยไหลไปตามสภาพจนถึงเส้นชัยด้วยเวลา 4 ชม. 21 นาที ช้ากว่าที่ตั้งใจไว้ 20 นาที....มันไม่น้อยเลย


ต้องบอกตามตรงว่าผิดหวังกับเวลาที่ได้แต่ก็ไม่ได้หมดหวังเพราะรู้ดีสนามนี้ทำเวลาค่อนข้างยากถึงจะทำไม่ได้ตามที่ตั้งใจแต่อย่างน้อยก็ดีกว่าปีที่แล้วตั้ง 20 นาทีปีหน้าจะทำให้ดีขึ้นอีก 20 นาทีมันคงไม่ยากแล้ว (มั๊ง) จบมาอย่างสะบักสะบอมเล็กน้อยมีอาการกล้ามเนื่อเกร็งบ้างบางจังหวะแต่ไม่ถึงกับเป็นตะคริวหลังจากวิ่งเสร็จได้ลงแช่น้ำทะเลบ้างราวๆ 10 นาทีแต่คลื่นแรงต้องรีบขึ้นกลัวเป็นตะคริว ไม่มีบาดเจ็บเพิ่มนอกจากกล้ามเนื้ออักเสบมาก่อนนี้แล้วส่วนหนึ่งซัพพอร์ตเตอร์ทำงานได้ดีก็แปลว่าที่ซื้อมาใช้นั้นมันได้ผลไม่ได้เสียเงินเปล่าปัญหาอย่างเดียวตอนนี้คือรองเท้ารุ่นนี้ Asic Tarther Japan คู่นี้ดูไม่เหมาะยังสู้ Asic Gel HyperSpeed 6 ไม่ได้ทั้งเบาทั้งกระชับกว่า


สุดท้ายก่อนกลับแวะกินข้าวร้านเดิมชื่อร้านจำไม่ได้ครับ ออกจากพัทยาเหนือเลี้ยวซ้ายมาราวๆ 500 เมตรก่อนถึงปั๊มเชลล์ (อยู่ติดกับปั๊ม) อร่อยเหมือนเดิม แต่ดูเหมือนลูกค้าน้อยลงนะ




ขอขอบคุณภาพจาก Shutterrunning.com (พี่ตุ้ม พี่แจ๊ค พี่หน่อง), เคสปอร์ตรันนิ่ง (คุณแก๊ป)
กาย บูรพาไม่แพ้
21 กรกฎาคม 2558

วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

12 ก.ค. 2558 เล่าเรื่องวิ่งฮาล์ฟมาราธอนมูลนิธิแสงธรรมส่งหล้า


ปีที่แล้วมูลนิธิแสงธรรมส่องหล้าจัดวิ่งการกุศลระยะ 10 กม.ที่สะพานพระราม 8 ปีนี้เดิมทีก็จัด 10 กม.เหมือนเดิมแต่ว่าไม่สามารถจัดตามวันที่กำหนดเดิมได้เนื่องจากชนกับงานอีกหลายๆ งานจึงได้เลื่อนมาจัดวันที่ 12 ก.ค.2558 และเปลี่ยนสถานที่ปล่อยตัวมาเป็นหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถนนราชดำเนินระหว่างเวลาที่เลื่อนมานั้นนักวิ่งหลายๆ ท่านเรียกร้องให้เพิ่มระยะ 21 กม.เข้ามาด้วยจากการที่เห็นว่าไหนๆ ก็ปิดสะพานพระราม 8 และถนนลอยฟ้าบรมราชชนนีขาออกทั้งเส้นเล้วทำไม่ไม่ใช้ให้คุ้มค่า ทางฝ่ายจัดงานเห็นด้วยจึงเพิ่มระยะ 21 กม.เข้ามาแต่จะกระทบกับนักวิ่งที่ติดถ้วยรางวัลเนื่องจากถ้วยพระราชทานที่ขอพระราชทานไว้เป็นถ้วยอันดับ 1 ชาย/หญิง ในระยะ 10 กม.เท่านั้น ส่วนถ้วย 21 กม.ทางผู้จัดไม่ได้ขอพระราชทานมา (นักวิ่งส่วนใหญ่เข้าใจว่าถ้วยพระราชทานมีทั้ง 10 กม.และ 21 กม.)

งานนี้ไม่มีเงินรางวัลเนื่องจากเป็นงานการกุศล 100% รายได้จากค่าสมัครและผู้สนับสนุนไม่หักค่าใช้จ่ายมอบเป็นการกุศลทั้งหมด

เดิมทีไม่ได้คิดว่าจะมาร่วมงานนี้แต่ด้วยเหตุที่จัดก่อนงานพัทยามาราธอน 1 สัปดาห์จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้วอร์มอัพร่างกายในระยะกลางๆ ก่อน บางท่านบอกว่าเป็นสนามซ้อมก่อนลงงานใหญ่ แต่ผมว่ามันไม่ใช่หรอกสำหรับผมมันก็คืองานแข่งนะแหละวิ่งเต็มที่ตามระยะ 21 กม.อีกอย่างคืออยากพิสูจน์ตัวเองว่าที่ซ้อมๆ เราเต็มที่ได้แค่ไหนและจะได้ประเมินได้ว่าสภาพร่างกายขณะนี้จะวิ่งระยะเต็มอย่างพัทยามาราธอนยังไง

แผนการวิ่งในวันนี้คือวิ่งคุมเพจไปเรื่อยๆ ไม่เกิน 5.5 แบบไม่ต้องเร่งตามใครและไม่ต้องหนีใคร เอาเข้าจริงๆ เพจจะแกว่งอยู่ในช่วง 5.05-5.20 ตลอดระยะ เร็วกว่าที่ตั้งใจไว้ มาจบที่เฉลี่ย 5.14 จากระยะ 20.37 กม.เวลารวม 1 ชม. 46 นาที ซึ่งเร็วกว่าทุกครั้งที่วิ่งมาในระยะนี้ถือว่าเป็นสถิติใหม่

สถิติออกมาแบบนี้อีก 6 วันที่เหลือถ้ารักษาสภาพร่างกายเอาไว้ได้พัทยามาราธอนระยะเต็มตั้งไว้ 3 ชม. 50 นาทีก็เป็นสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้



ขอขอบคุณภาพจาก หมู่รักษ์ กรพัทธ์ ก้อนเพชร แห่งกองทัพบก
กาย บูรพาไม่แพ้
20 กรกฎาคม 2558

วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2558

28 มิ.ย. 2558 เล่าเรื่องวิ่งดอกบัวคู่ครั้งที่ 9


ร่วมวิ่งในงานของดอกบัวคู่มาน่าจะปีที่ 4 ติดต่อกัน(มั้ง) ชอบตรงที่พนักงานดอกบัวคู่กับชมรมวิ่งดอกบัวคู่จัดกันเองแบบบ้านๆ ไม่ได้มีพิธีรีตรองอะไรมากมายปีนี้ผมว่าดีกว่าปีก่อนๆ ที่ไม่มีการแสดงก่อนปล่อยตัวซึ่งเสียเวลามากและนักวิ่งส่วนใหญ่ไม่ชอบและประธานกล่าวเปิดงานท่านเดียวที่ดีคือกล่าวไม่กี่คำ ซึ่งถ้าเป็นงานอื่นๆ ต้องมีประธาน รองประธาน เลขาฯ ผู้สบับสนุน จะได้กล่าวกันทุกคนไม่น้อยหน้ากัน ทำให้นักวิ่งที่วอร์มอัพมาอย่างดีต้องมายืนรอนานจนขาแข็งที่วอร์มๆ มาไม่มีประโยชน์เลย แต่ที่ต้องปรับปรุงก็น่าจะเป็นประสบการณ์ใหม่ของทีมงานคือครั้งนี้เป็นการนำชิปประมวลผลมาใช้เป็นครั้งแรกการประสานงาน การทำความเข้าใจกับทีมที่จัดการเรื่องชิปอาจจะยังมีปัญหาอยู่บ้าง

การวิ่งวันนี้ไม่ได้วิ่งด้วยความเร็วของตัวเอง(อีกแล้ว) คือวิ่งเป็นบัดดี้ให้กับน้อง(คนเดิม) เนื่องจากเป็นระยะฮาล์ฟแรกของน้องมีความกังวลอยู่อย่างเดียวคือกลัวน้องวิ่งไม่จบส่วนเรื่องเวลานั้นไม่ได้ซีเรียสเลย เริ่มจากปล่อยตัวก็ปล่อยให้น้องวิ่งไปก่อนคนเดียวตามลำพังตามความเร็วที่น้องถนัด ปล่อยให้วิ่งไปจนกลับตัวจุดนั้นน่าจะ 6-7 กม.ได้ จากนั้นถึงได้วิ่งประกบพยายามบอกให้วิ่งอยู่ประมาณเพจ 6 ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ มีบวกมีลบบ้าง โจทย์สำหรับวันนี้คือมี อ.ช้างต่อเวลาให้ 15 นาทีจะต้องพาน้องให้เข้าเส้นชัยหลัง อ.ช้างให้ได้ภายใน 15 นาทีถ้าทำได้จะมีการปูมบำเน็จกันถึงขั้นสูงสุด (ไม่ใช่การพนันนะครับแต่มันเป็นแค่การสร้างแรงจูงใจ) ตอนกลับตัวก็เห็นแล้วว่าอยู่ไม่ไกลกันมากทิ้งกันอยู่ราวๆ 5 นาที กลับมาถึงทางแยกเข้าบึงหนองบอนแรงเริ่มตกถึงตอนนี้เลยครึ่งทางมาแล้วที่จุดกลับตัวในบึงหนองบอนจะมีเกลือแร่และแตงโมในตำนานรออยู่โดยก่อนถึงจุดกลับตัวก็ได้สวนทางกับ อ.ช้างซึ่งดูระยะไปกลับแล้วน่าจะประมาณ 10 นาที(ถ้ายังวิ่งความเร็วนี้อยู่) ถึงจุดกลับตัวที่สองดีใจแตงโมยังไม่หมด ตอนนี้ความเร็วก็ลดลงมาอีกนิดประคองกันไปเรื่อยๆ จนมาเข้าสวนหลวงอีกครั้งและจะต้องไปวนที่สวนน้ำพุอีกครึ่งรอบถนนรอบสวนตรงนี้หลายคนบอกว่าวิ่งยากเพราะมันเป็นอิฐตัวหนอนเรียงกันผมว่ามันเป็นแค่ความรู้สึกนะจริงๆ มันก็เหมือนถนนคอนกรีตที่ไม่ค่อยเรียบนั่นแหละพื้นแข็งๆ ขรุขระ ใครที่บอกว่าวิ่งยากอยากให้ลองไปวิ่งรอบสวนจิตรลดาดูที่นั่นวิ่งยากกว่าอีก มาวนที่สวนน้ำพุนี้ไม่เจอ อ.ช้าง ในใจคิดว่าไม่เข้ามาหรือเปล่า (คิดในแง่ร้ายว่าถ้า อ.ช้างวิ่งไม่ครบผมต้องจับฟาวล์แน่งานนี้กินฟรี) เราก็ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งต่อไป 2 กม.สุดท้าย ณ จุดนี้ถนนในสวนหลวงด้านทิศเหนือเป็นเส้นทางที่ผมชอบที่สุดเพราะมันวิ่งสบายต้นไม้ข้างทางสูงมีร่มรำไรวันที่มาซ้อมที่นี่มาถึงจุดนี้มักจะเผลอทำความเร็วอยู่เกือบจะทุกครั้ง ครั้งนี้ถ้าไม่ติดว่าจะต้องเป็นบัดดี้ผมแจ้นทิ้งน้องไปไกลโขเลย ใครที่มาวิ่งบ่อยๆ จะรู้ว่าถนนตรงนี้มันดูดพลังงานสุดๆ สุดท้ายเรามาเข้าเส้นชัยที่เวลา 2 ชม.นิด 6 นาทีหรือ 8 นาทีไม่แน่ใจ ถือว่าเป็นเวลาที่ดีเลย (ดีกว่าผมวิ่งฮาล์ฟครั้งแรก 2 ชม.9 นาที) เทียบเวลา อ.ช้าง เท่าไหร่ไม่รู้แต่บวก ลบ แล้วห่างกัน 16 นาที ผลการแข่งขันตามโจทย์คือเราทำไม่ได้ตามที่ อ.ช้าง ต่อเวลาให้ แต่ผลการแข่งขันตามปกติคือน้องได้ที่สองในรุ่นกลุ่มอายุครับ

สรุปสุดท้ายวันนี้วิ่ง 21.1 ก.ม.ไม่เหนื่อยเลยคงเพราะซ้อมมาเยอะ (เตรียมพร้อมพัทยามาราธอนด้วย) ของแจกเยอะเหมือนเดิมตอนเข้าเส้นชัยได้จับฉลากแอบจับ 2 ใบได้ด้วยก็ได้กิ๊ฟเซ็ตทั้งสองใบนะแหละ (ที่จริงขออีกเขาก็ให้นะ) ของกินเยอะแต่กินไม่ลงเหมือนเดิม จัดได้ตามมาตรฐานดอกบัวคู่ที่หลายๆ คนชื่นชอบครับ


ขอขอบคุณภาพลูกเมียน้อยจาก พี่ตุ้ม ชัตเตอร์รันนิ่ง
กาย บูรพาไม่แพ้
29 มิ.ย. 2558

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558

14 มิ.ย. 2558 เล่าเรื่องวิ่งการกุศลเรนโบว์รัน


เป็นงานวิ่งการกุศลที่อยากร่วมวิ่งทุกๆ ปีเพราะเป็นงานที่ไม่มีพิธีรีตรองอะไรมีเหรียญให้ ไม่มีถ้วยรางวัล ไม่มีเงินรางวัลใดๆ มีระยะให้วิ่งแต่จะวิ่งเท่าไหร่ก็ได้วิ่งเสร็จมีของกินมากมายไม่อั้น สนุกสนาน สีสันแสบทรวง

จะว่าไปวันนี้มีงานวิ่งใหญ่ๆ จัดพร้อมกันถึง 2 งานคืองานซุปเปอร์สปอร์ต 10 ไมล์ จัดที่เซ็นทรัลเวิลด์ใกล้ๆ สวนลุมพินีนี่เอง อีกงานคืองานของกรุงเทพประกันชีวิต จัดที่สะพานพระราม 8 งานนี้มีระยะฮาล์ฟด้วย ส่วนเรนโบว์รันเป็นงานเล็กๆ แต่ก็มีคนเข้าร่วมไม่น้อยๆ เลยดูๆ แล้วก็หลักพัน แค่นี้ก็แน่นสวนลุมพินีแล้ว งานนี้วิ่งแต่ในสวนไม่ออกไปวุ่นวายกับผู้คนข้างนอกเหมือนงานอื่นๆ (ถ้าออกไปก็คงได้ชนกันแน่ๆ)

ตามแผนวันนี้ถือโอกาสซ้อมยาวๆ โดยเป้าหมายสุดท้ายจะมาสิ้นสุดที่เรนโบว์รันนี่แหละเพราะซื้อเบอร์ของที่นี่ จริงๆ ตั้งเป้าจะซ้อมยาว 40 กม.โดยเริ่มต้นจากสี่แยกบางนาตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีสาม กว่าจะทำภาระกิจส่วนตัวเสร็จก็ตีสามกว่าๆ เริ่มวิ่งจริงๆ ใกล้จะตีสี่ วิ่งไปตามถนนสุขุมวิทฝั่งขาเข้าไปเรื่อยๆ จนเลยบางจากเกือบถึงอ่อนนุชฝนก็ตกไม่ใช่ตกเล่นๆ ตกหนักด้วยคือพึ่งเริ่มวิ่งไม่เท่าไหร่จะหยุดก็ยังไงๆ อยู่ตกหนักแค่ไหนก็ต้องไป ถึงสุขุมวิท 50 ก็แวะแฟมีลี่มาร์ทซื้อน้ำ ซื้อช็อคโกแล็ต ถือโอกาสยืนพักหน้าร้านกินน้ำกินช็อคโกแล็ต ดูฟ้าฝนสักพัก ก็ลุยฝนต่อไป จนถึงพร้อมพงษ์ฝนก็เริ่มหยุดค่อยดีขึ้นหน่อยแต่ก็เปียกโชกมาทั้งตัวแล้ว ถึงแยกอโศกรู้สึกว่าถนนแห้งนะไม่มีฝนซักเม็ดคิดน้อยใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมเจาะจงตกใส่เราตอนวิ่งคนเดียว ที่วิ่งผ่านมาสังเกตเห็นคนออกมารอรถเมล์แต่งตัวเหมือนจะไปงานวิ่งอยู่หลายคนหลายจุดมีทั้งใส่เสื้อซุปเปอร์สปอร์ตและเสื้อเรนโบว์รันว่าจะชวนวิ่งไปด้วยกัน...ดูหน้าตาท่าทางแล้วเขาคงไม่บ้าเหมือนเรา


วิ่งมาถึงแยกวิทยุตอนนั้น 5.20 น.แปลว่า 10 ไมล์ปล่อยตัวไปแล้ว 20 นาทีเหลือแต่หางแถวประปรายก็ขอใช้เส้นทางเขาหน่อยละกันวิ่งตามถนนวิทยุไปทางถนนเพชรบุรีแล้วเลี้ยวซ้ายไปทางประตูน้ำจนถึงแยกประตูน้ำ จนท.ก็ปล่อยรถผ่านพอดีทำให้นักวิ่งต้องติดไฟแดงกันอยู่นานหลายนาทีนี่ถ้าเป็นแนวหน้าก็คงมีตายละมัง (มันน่าเคืองจริงๆ นะ) แล้วก็วิ่งต่อไปจนถึงแยกราชเทวีเป็นจุดแยกทางระหว่าง 5 ไมล์กับ 10 ไมล์ 5 ไมล์เลี้ยวซ้ายไปทางมาบุญครอง 10 ไมล์ตรงไปเลี้ยวที่แยกพงษ์พระราม (กิ่งเพชร) ใจอยากจะตาม 10 ไมล์ไปแต่กลัววกกลับมาไม่ทันปล่อยตัวงานเรนโบว์รันก็เลยเลี้ยวไปตามเส้นทาง 5 ไมล์ไปจนถึงแยกทปุมวันมีคนบอกให้เลี้ยวซ้ายไปทางสยามพารากอนเราก็นึกในใจมันจะให้เลี้ยวไปทำไมว่ะแผนที่ไม่ได้บอกให้เลี้ยวนิก็ไม่สนใจเสียงนกเสียงกาวิ่งฝ่าสี่แยกไปทางจุฬาฯ มาบรรจบพวก 10 ไมล์อีกทีที่ถนนพระราม4 แต่คราวนี้ไม่ได้วิ่งตามไปมุ่งหน้าไปสวนลุมอย่างเดียวแล้ว วิ่งมาถึงแยกถนนอังรีฯ ก็ยังเห็นพวก 10 ไมล์วิ่งสวนทางมาจากแยกศาลาแดงเข้าถนนอังรีฯ แล้วยูเทิร์นกลับมาถนนพระราม4 แล้วก็วิ่งผ่านหน้าสวนลุมพินีออกไปทางเซ็นทรัล คิดแล้วก็งงๆ อยู่ทำไมมันจัดเส้นทางกันแบบนี้ตามแผนที่ที่ลงไว้ล่าสุดมันไม่ใช่แบบนี้นิ แล้วคนวิ่งเขาก็วิ่งกันได้นะ

สุดท้ายก็ต้องรีบเข้าสวนลุมฯ เพราะใกล้จะหกโมงเช้าเรนโบว์รันจะเริ่มปล่อยตัว ไปยังไม่ถึงงานก็ได้ยินเสียแตรลมปล่อยตัวแล้ว ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรดูจากไกลๆ คนมาร่วมงานก็เยอะอยู่ค่อยๆ วิ่งตามเขาไปท้ายๆ แถวก็ได้ งานนี้ซื้อเบอร์ 10 กม.เอาไว้จะต้องวิ่ง 4 รอบ (จริงๆ เขาไม่บังคับว่าจะต้องวิ่งให้ครบ) ด้วยสปิริตก็ต้องวิ่งไปตามนั้น (ถึงจะวิ่งมาไกลแล้ว) วิ่งจบ 4 รอบสิริรวมระยะทางแล้ววันนี้วิ่ง 30 กม.ถ้วนๆ ถือว่าได้ซ้อมยาวสมใจถึงจะไม่ครบ 40 กม.ตามที่ตั้งใจแต่ด้วยอุปสรรคหลายๆ อย่างได้แค่นี้ก็รู้สึกพอใจแล้ว


เป็นเรื่องปกติหลังจากซ้อมวิ่งๆ ไกลๆ มักจะกินอะไรไม่ค่อยได้ถึงจะมีของกินแจกมากมายไม่อั้นก็กินไม่ได้อยู่ดี น้ำ 1 ขวด ขนมปัง 2 ชิ้น เค้กกล้วยหอม 1 ชิ้น (กินจริงๆ ขนมปังชิ้นเดียว)

ท้ายที่สุดคือออกจากงานเรนโบว์แล้วยังจ็อกไปงานซุปเปอร์สปอร์ตอีกระยะทางห่างกันราว 2 กม.ไปแล้วก็ไม่เจอใครให้เรากินแห้วอีกนะปีหน้าถ้าจัดชนกันอีกเราก็จะไปเรนโบว์อีกเพราะอารมณ์มันคนละอย่างกันเนอะ




ขอขอบคุณภาพจาก พี่รุจ พี่ตุ้ม พี่ป็อก จาก shutterrunning,com
กาย บูรพาไม่แพ้
16 มิ.ย.2558

วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2558

7 มิ.ย. 2558 เล่าเรื่องวิ่งกระทุ่มแบนมินิมาราธอน


ไปร่วมงานวิ่งกระทุ่มแบนเป็นครั้งแรกต้องตื่นตั้งแต่ไก่โห่ตีสองครึ่งกว่าจะเตรียมตัวเสร็จก็ตีสามพอดี ไปแวะรับผู้โดยสารตามที่นัดหมายตีสามครึ่งพอดี ออกจากพระราม 6 ก็ไปเส้นทางพุทธมณฑล สาย 4 ก็จะผ่านๆ ถนนอักษะซึ่งก็มีงานวิ่งอีกงานเป็นของ ม.ราชมงคลฯ เหลือบเห็นจุดปล่อยตัวแว๊บๆ แต่ก็ไม่ได้แวะตอนนั้นน่าจะยังไม่มีใครมา วันนี้ศึกษาเส้นทางมาบ้างด้วยความหวังว่าจะไม่หลง เส้นทางตอนนี้มีอยู่แต่ในหัว จำได้แต่ว่าเลยจากจุดนี้ไปจะเป็นอะไร ก็อย่างว่าเส้นทางนี้ไม่เคยมามันก็งงๆ อยู่บ้างพยายามไม่พลาดเรื่องการมองป้ายบอกทาง (ที่ผ่านมาพลาดทุกครั้ง) วิ่งไปจนถึงตลาดกระทุ่มแบน ทีนี้ก็เริ่มงงๆ แล้วว่าโรงเรียนมันอยู่ตรงไหน เท่าที่จำมามันอยู่ใกล้ๆ กับโรงเรียนวัดดอนไก่เตี้ย แล้วโรงเรียนวัดดอนไก่เตี้ยนี่มันตรงไหน โหมดนี้ต้องพึ่ง GPS เปิดดูก็ยังดูไม่ออก ลองวิ่งเลยไปอีกหน่อยเจอป้ายบอกไปงานวิ่ง บอกว่าไปงานวิ่งเฉยๆ ที่นี่มีงานวิ่งงานเดียวก็คงใช่เลี้ยวไปตามป้ายเรื่อยๆ ก็เจอโรงเรียนกระทุ่มแบน สมุทรคุณ (คำหลังมีที่มายังไงก็ไม่ทราบใครสงสัยก็ลองค้นหาข้อมูลดู) 

มาถึงงานตีสี่กว่าๆ กว่าเท่าไหร่จำไม่ได้ จำได้แต่ว่าเป็นกลุ่มแรกๆ มาถึงก่อนคนที่มานอนนี่ด้วยซ้่ำ (โม้หน่อย) มีขนาดเสื้อให้เลือกเยอะดี SS,S,M,L,XL (บางงานมีแค่ S,M,L บางงานมี F ขนาดเดียวโครตรขี้เหนียว) ค่าสมัคร 200 บาท งานอื่นเขาขึ้นไป 250,300,350 กันไปหมดแล้วน่าจะเหลือไม่กี่งานที่ยังคงราคาเดิมอยู่นับว่าเป็นเรื่องที่ดี

จำนวนนักวิ่งที่มางานนี้ก็พอสมควรงานการกุศลมีถ้วยรางวัลในรุ่น 5 ใบแต่ไม่มีเงินรางวัลก็สมน้ำสมเนื้อดูๆ ไปขาแรงมากันไม่น้อยเลย ในวันนี้นอกจากมีงานวิ่งที่ถนนอักษะแล้วยังมีงานใหญ่ที่ดึงนักวิ่งไปได้มากพอสมควรเลยคืองานลากูน่า ภูเก็ตมาราธอน ถ้าไม่ชนกับงานอื่นๆ ก็จะคึกคักมากกว่านี้

สภาพร่างกายวันนี้ตั้งใจมาลากอย่างเดียวเนื่องจากอ่อนล้าจากการไปปั่นจักรยานอำลาสนามเขียวมาสองรอบ (48 กม./1 ชม. 50 นาที) ออกตัวค่อนข้างอืดแค่ 2 กม.แรกก็เหนื่อยกว่าจะหาคนลากเจอก็จะขึ้น กม.ที่ 3 แล้วแถมเธอออกตัวไปข้างหน้าก่อนแล้วต้องไล่ตาม วิ่งไปก็คิดในใจถามตัวเองว่าตกลงใครมาลากใครกันแน่ ก่อนนั้นเคยวิ่งลากมา 2 งานรู้สึกว่าลากได้สบายๆ เหมือนวิ่งเล่น แต่วันนี้ไม่เหมือนเดิมเธอวิ่งเก่งขึ้นมากทำให้รู้สึกเหนื่อยขึ้นกว่าเดิม (อีกหน่อยก็คงกลับกันเราเป็นฝ่ายโดนลากเสียเอง) ที่จริงจะว่าลากก็ไม่เชิงแค่วิ่งไปเป็นเพื่อนมากกว่าวิ่งให้เห็นว่านี่วิ่งอยู่ข้างหน้านะตามมาๆ มาไม่ทันเราก็ต้องรออยู่ดี

จุดกลับตัววันนี้ผู้จัดใจดีมากๆ เฉียดฉิวสะพานสูงไปนิดเดียวถ้าขึ้นสะพานก่อนแล้วค่อยกลับตัวนี่ต้องหมดแรงกันเป็นแถวๆ แน่ ระหว่างทางบรรยากาศดีมีแต่สวนผัก สวนผลไม้ แต่อนิจจาวิ่งมา 10 กม.ไม่มีลมซักกะแอะ ไม่มีเลยจริงๆ สุดท้ายก็มาถึงเส้นชัยต่ำกว่า ชม.นิดหน่อยลากมาได้ที่ 4 ในรุ่น

ก่อนปล่อยตัวกินปลาท่องโก๋ไปหลายตัววิ่งกลับมาแล้วกินอะไรไม่ได้เลยนอกจากแตงโมได้กินหลายชิ้นอยู่ น้ำตาลก้นแก้วไม่หวานกำลังดี อร่อยยยยเลย

สุดท้ายถ่ายรูปรับถ้วยถ่ายอยู่ดีๆ คุณพี่ก็เอาเก้าอี้มาตั้งแล้วยืนถ่ายบนเก้าอี้ซะงั้น คุณพี่คงไม่รู้ว่าคนข้างหลังเขาก็อยากถ่ายเหมือนกัน....นิสสัย


ขอขอบคุณภาพจากพี่รุจ ชัตเตอร์รันนิ่ง
กาย บูรพาไม่แพ้
9 มิ.ย. 2558

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2558

31 พ.ค. 2558 เล่าเรื่องวิ่ง Power Run Power Fit by YO


งานวิ่งการกุศลที่จัดโดยดารานางแบบชื่อดังสองพี่น้อง คุณโย(ยศวดี) คุณเอ(อัญชลี) หัสดีวิจิตร โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้สภากาชาดไทย ในวันจัดการแข่งขันได้ทำพิธีมอบเงินไป 200,000 บาทถ้วน(ไม่แน่ใจค่าสมัครรวมๆ แล้วได้ถึงสองแสนมั๊ย) อยากให้ดูที่เจตนาของผู้จัดมากกว่านะครับเจตนาดีก็จะมีคนสนับสนุนนั่นแหละ เป็นการจัดกิจกรรมที่มีประโยชน์ถึงแม้จะแฝงการโฆษกณาอยู่บ้างก็ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย

ดูจากบรรยากาศแล้วงานค่อนข้างจะประสบความสำเร็จ ผู้จัดดูยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลาตั้งแต่เปิดงานจนจบงาน อาจจะวุ่นวายเล็กน้อยสำหรับการแจกป้ายอันดับ(ซึ่งงานใหญ่ก็เป็น) แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่เนื่องจากเป็นงานที่ไม่มีเงินรางวัลมาเกี่ยวข้อง

ระยะทางวิ่ง 2.5 และ 5 กม.(1 รอบและ 2 รอบสวนลุมพินี) วิ่งกันสนุกสนานคนวิ่งเร็วก็เร็วปรี๊ดดดด คนวิ่งช้าก็ค่อยๆ คลานกันไปไม่ต้องกังวลเรื่องรถราเพราะไม่ได้ออกไปผจญภัยข้างนอกระวังก็แต่อาแปะ อาซิ่มข้างหน้าคอยหลบซ้ายหลบขวาให้ดี

บรรยากาศโดยรวมก็สนุกสนาน ครื้นเครง เฮฮา ดีครับ วิ่งเพื่อสุขภาพได้ทำบุญ ได้รางวัลเป็นแถม งานแบบนี้จัดกี่ทีก็มีคนวิ่งครับ

ขอขอบคุณภาพจากเฟสบุ๊ค Power Fit By YO
กาย บูรพาไม่แพ้
2 มิ.ย. 2558

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

10 พ.ค. 2558 เล่าเรื่องวิ่งอย่ากินทิ้งกินขว้าง


ห่างหายจากการวิ่งไปหลายเดือนแต่ยังคงซ้อมอยู่ทุกวันด้วยเหตุผลหลายประการ ระยะมินิมักจะสมัครไม่ค่อยทันเมื่อสมัครไม่ทันก็ไม่ได้ขวนขวายหาทางเพื่อให้ได้วิ่ง จึงหันเหไปถ่ายรูปบ้าง ช่วยทำงานบ้าง (เขาจ้างให้ทำ) งานนี้เขาจัดระยะซุปเปอร์ฮาล์ฟ 30K จริงๆ สนใจแค่ระยะทางกับสถานที่จัดในกรุงเทพ(ไม่ต้องเดินทางไกล) คิดว่าระยะนี้ไม่น่าจะมีใครแย่งสมัครจนเต็ม (ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ) ไม่ได้เตรียมตัวเรื่องการซ้อมเพราะว่าซ้อมเป็นปกติอยู่แล้วน่าจะเอาอยู่แต่เวลาอาจจะไม่ได้ดั่งใจเพราะไม่ได้ซ้อมยาวบ่อยๆ อย่างมาก 20K สองสามสัปดาห์ครั้ง ลงคอร์ท 400-800 ก็ไม่เคยจบลูป

พูดถึงผู้จัดงานบ้างเจ้าของงานคือองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ชื่องาน Run For Save Food ชื่อเป็นภาษาไทยคืออย่ากินทิ้งกินขว้าง เป็นการรณรงค์ให้เรากินแต่พอดีกินแต่พออิ่มเพื่อจะได้มีส่วนที่เหลือไปให้คนที่ไม่มีกินบ้าง ที่จริงจะรณรงค์แค่เรื่องกินก็คงจะไม่ถูกต้องนักถ้าคนทำให้กินทำมามากแล้วคนกินกินไม่หมดก็เหลือทิ้งอีกเหมือนกัน การกินทิ้งกินขว้างน่าจะเป็นปัญหาปลายเหตุมากกว่า แต่อย่างน้อยก็บอกให้เรารู้เมื่อต้องไปทำกับข้าวกินเองก็ทำแต่พอกิน น่าจะเป็นอย่างนั้นมากกว่า เป็นการระดมทุนโดยการจัดการวิ่งเป็นครั้งแรกขององค์กรนี้ แต่ถ้าติดตามข่าวย้อนหลังไปองค์กรนี้เขารณรงค์เรื่องนี้มาพอสมควรแต่จะผ่านการจัดกิจกรรรมในด้านอื่นๆ เช่นการไปมีส่วนร่วมกับการวิ่งประเพณีอย่างกรุงเทพมาราธอนปีที่ผ่านมา เป็นต้น ผู้ที่รับหน้าดำเนินการจัดงานครั้งนี้คือสมาคมนักวิ่งเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย

ระยะ 30K ปล่อยตัวเวลาตีสี่ครึ่งคิดมาก่อนหน้านี้หลายวันว่าถ้าฝนไม่ตกก็ต้องเจอกับสภาพแดดที่ร้อนแรงตั้งแต่ 6 โมงเช้าเลยร่วมๆ กว่าชั่วโมง อีกอย่างที่ต้องเตรียมตัวก่อนคือน้ำกินจะต้องพกไปด้วยเพราะความไม่แน่ใจตรงที่ระยะ 15K ปล่อยตัวหลังจากปล่อย 30K แล้ว 30 นาทีนั่นคือกลุ่ม 15K จะกลับตัวก่อน 30K แน่นอนแล้วก็วิ่งเส้นทางเดียวกันตลอด ความกังวลคือที่จุด 22K-30K จะมีน้ำเหลือไว้ให้กินมั๊ยพกเอาไว้ก่อนน่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ดี

เมื่อถึงเวลาปล่อยตัวก็วิ่งขึ้นสะพานพระราม 8 ในทันทีเมื่อสุดสะพานก็พบปัญหาว่าจุดให้น้ำจุดแรกแก้วน้ำยังมาไม่ถึงจึงไม่มีใครได้กินน้ำ ณ จุดนี้นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับนักวิ่งระยะไกลแต่สำหรับนักวิ่งที่ไม่คุ้นชินอาจจะมีปัญหาเล็กน้อย ความเร็วนั้นตั้งใจวิ่งเพจ 6 (10 กม./ชม.) ไปเรื่อยๆ พยายามดูความเร็วจากนาฬิกาไม่ให้ช้าหรือเร็วไปกว่านั้นมากนักไม่พยายามวิ่งตามคนอื่นที่วิ่งเร็วกว่าให้คิดเสมอว่าอีกหน่อยเขาคงจะหมดที่สุดเราก็จะแซงเขาได้ถ้าเรายังคงความเร็วคงที่แบบต่อเนื่อง จนถึงจุดกลับตัวสิ่งคาดหวังก็เป็นความจริงถึงจุดกลับตัวราวๆ หกโมงเช้าคือเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นพอกลับตัวปุ๊บก็หันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์เลย ไม่ได้ใส่หมวกกันแดด ไม่ได้ใส่แว่นกันแดด ก็อาศัยวิ่งก้มหน้าไปเรืื่อยๆ เงยหน้านานก็ไม่ได้เพราะแสงสะท้อนจากพื้นผิวถนนมันแยงตา วิ่งกลับมาถึงจุดกลับตัว 15K กลุ่ม 15K กลับไปหมดแล้วทีนี้ก็ลุ้นเอาว่าจะมีน้ำเหลือให้กินหรือเปล่าตอนนี้น้ำที่พกไปเหลือครึ่งกระบอกคิดว่าถ้าข้างหน้าไม่มีน้ำกินเลยเราจะมีน้ำพอสำหรับ 8K ที่เหลือแน่นอน แต่สิ่งที่พบกลับผิดคาดคือยังมีน้ำให้กินอย่างเหลือเฟือทำให้ใจชื้นขึ้นมาว่าจะต้องกินน้ำในกระบอกให้เหลือน้อยลงเพื่อลดน้ำหนัก นี่แบกน้ำมากว่า 20K ถึงมันจะไม่มากแต่ระยะทางไกลๆ มันก็ไม่เบานะคนที่ไม่เคยชินอาจหมดแรงเอาดื้อๆ ถึงตอนนี้ก็พยายามรักษาความเร็วไว้จนถึงเส้นชัยสรุปความเร็วก็ได้ตามเป้าคือเพจ 6 พอดี (30 กม./3 ชม.)

เป็นการซ้อมทางไกลที่คุ้มค่าแต่มีปัญหาที่ต้องแก้ไขคือการพกกระบอกน้ำกับการวิ่งระยะทางไกลๆ ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการวิ่งทำเวลาถ้าไม่ซีเรียสเรื่องเวลาก็พกไปเถอะ


ขอขอบคุณภาพจาก พี่ตุ้ม ชัตเตอร์รันนิ่ง
กาย บูรพาไม่แพ้
11 พฤษภาคม 2558

วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558

8 มี.ค. 2558 เล่าเรื่องวิ่ง SCG มาบตาพุดมินิมาราธอน


วันที่ 8 มีนาคม 2558 ได้มีโอกาสไปร่วมงานวิ่ง SCG มาบตาพุดมินิมาราธอน ครั้งที่ 6 อยากไปเพราะว่าอยากวิ่งจริงๆ จังๆ หลังจากไม่ได้วิ่งจริงจังมาตั้งแต่จบจอมบึงมาราธอน มีแต่ไปวิ่งเล่นบ้าง วิ่งลากคนอื่นบ้าง แต่ว่าการซ้อมที่ผ่านมานี่ซ้อมเพื่อมาราธอนอย่างเดียวเลย เลยอยากจะทดสอบว่าที่ซ้อมมาระยะมินิฯ เวลาดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน คิดในใจเอาว่าน่าจะดีขึ้นนิดหน่อยจากการซ้อมทำเวลาได้ดีขึ้นราวๆ 3 นาทีในระยะ 10K ด้วยความหวังว่าเมื่อเวลา 10K ดีขึ้น 20K ก็น่าจะดีตามไปด้วย 40K ก็น่าจะได้รับอานิสงไม่มากก็น้อย (คิดเอาไว้แบบนั้นจริงๆ) และอีกอย่างงานนี้แบ่งรุ่นละ 5 ปีมี 10 ถ้วยในแต่ละรุ่นถ้าขาแรงๆ ไม่แห่กันมาก็อาจจะมีโอกาสกับเขาบ้าง

ในวันเดินทางคือวันเสาร์ที่ 7 มีนา ก่อนออกเดินทางก็ต้องทำภารกิจต่างๆ มากมายตามสไตล์ของวันเสาร์รวมทั้งเป็นวันที่ถึงกำหนดเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องพอดีเดิมทีคิดว่าจะไปที่อู่ประจำที่รามอินทราก็เกรงว่าจะไม่ทันกาลเนื่องจากอู่อยู่ไกลต้องไปจองคิวแต่เช้าอู่นี้คิวงานเยอะรอนานก็เลยเปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว อู่แถวบ้านที่เราเคยใช้งานประจำเมื่อตอนใช้รถคันเก่าก็มีนี่นาบริการก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร เลยตัดสินใจเข้าอู่ใกล้บ้านนี่แหละง่ายดีแค่งานเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องมันไม่ใช่งานที่ซับซ้อนอะไรคงไม่ต้องใช้ช่างเฉพาะทางก็ได้ คิดได้ปุ๊บก็ขับรถเลี้ยวเข้าปั๊มเชลล์ใกล้บ้านปั๊บ ช่างยังเป็นแก๊งค์เดิมอยู่นี่ถึงจะไม่ได้เข้ามาโซนนี้หลายปีแล้วก็ยังจำกันได้ทักทายกันแบบคุ้นเคยเหมือนเดิม ช่างดูของเหลวส่วนอื่นให้ด้วยถามว่าน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์เคยเปลี่ยนหรือเปล่า (ATF-Automatic Transmission Fluid) ภาษาปะกิดเป๊ะมั๊ย จำได้ว่าเมื่อตอนเอารถไปตรวจเช็คระยะแสนกิโลก็เปลี่ยนแล้วนี่เลยแสนมาแค่หมื่นปลายๆ ช่างบอกทำไมมันดำขนาดนั้นแถมตกตะกอนอีกทำให้พวงมาลัยฝืด(เออ..เราก็รู้สึกว่ามันฝืด) แสดงว่าอู่ที่รามอินทราไม่ได้เปลี่ยนให้ (คิดในใจว่าจะกลับไปหามันอีกดีมั๊ย) เลยถือโอกาสให้ช่างเปลี่ยนให้เลยสรุปวันนี้เปลี่ยนไป 3 รายการคือน้ำมันเครื่อง Shell Helix Ultra 0w-40 Full Synthetic กรองน้ำมันเครื่อง และน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ (2,375+220+167+ติ๊บ 200) ตัวเบาเลยแต่ของได้แถมมาเป็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ติดโลโก้ Shell Helix Ultra แสดงว่าใครมาเปลี่ยน Shell Helix Ultra ก็จะได้ของแถมกลับไป

เสร็จสรรพออกจากปั๊มเริ่มเดินทางราวๆ เที่ยงครึ่งตะวันคล้อยหลังพอดีออกทางมอเตอร์เวย์กะว่าจะไปแวะกินที่โอเอซีสด้วยความเร็ว 100-120 น้ำมันเครื่องใหม่นี่ดีจริงๆ วิ่ง 120 ไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เลย (ปกติจะมีเสียงเครื่องเล็ดรอดเข้ามาให้รู้สึกหงุดหงิด) ส่วนพวงมาลัยบอกตามตรงว่าไม่รู้สึกแตกต่างแต่รู้สึกว่าเวลาตีวงเลี้ยวระยะแคบๆ จะเลี้ยวง่ายกว่าเดิมและเสียงเบาลง วิ่งมาถึงโอเอซีสรถหนาแน่นเหมือนเดิมที่จอดไม่น่าจะมีก็เลยตัดสินใจไม่แวะไปหากินเอาข้างหน้าหลังออกจากมอเตอร์เวย์แล้วดีกว่า

ขับรถมาเรื่อยๆ ไม่ได้แวะเสียทีจนเลยทางแยกเข้าระยองแล้วถึงได้แวะปั๊มเอสโซ่ซื้อของกินในมินิมาร์ทเข้าห้องน้ำและกดจีพีเอสในมือถือดูเหลืออีกราวๆ 15 กม.จากนี้ไปต้องเปิดจีพีเอสตลอดเพราะกลัวหลงถ้ายังหลงอีกก็โทษคนทำระบบจีพีเอสเอา (เราไม่เกี่ยว) จีพีเอสไม่ได้เปิดเสียงนำทางเลยทำให้สับสนเล็กน้อยแต่ก็ไปถึงจุดหมายโดยไม่ต้องแวะถามไกด์ข้างทาง

ถึงสถานที่จัดงานราวๆ บ่ายสามโมง สมัครเสร็จเรียบร้อยใน 5 นาที แล้วเดินหาที่พักตามโบรชัวร์บอกว่าจัดสถานที่ให้กางเต๊นท์ไว้ที่ศาลเจ้าแม่จันเทแต่ศาลเจ้าต้องเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งแต่ข้างๆ ที่จัดงานนั้นมีโรงแรมชื่อแปลกๆ อาคารคล้ายๆ อาพาร์ตเมนต์ให้เช่าชื่อโรงแรมดราก้อนบอล ชื่อแบบนี้คงปล่อยไว้ไม่ได้ต้องเข้าไปดูซักหน่อย เข้าไปถึงรีเซฟชั่นปรากฎว่าเป็นโรงแรมธรรมดาๆ เก่าๆ ไม่รู้เหมือนกันว่ามีอะไรที่เกี่ยวข้องกับการ์ตูนดราก้อนบอลถามราคาต่อคืนถ้าเป็นนักวิ่งเจ๊ให้ราคา 450 บาท ราคาเต็มไม่รู้หรือจะ 450 เหมือนกันหรือเปล่าแล้วจะถามทำไมว่าเป็นนักวิ่งมั๊ย ตัดสินใจพักที่นี่แทนที่จะไปกางเต็นท์ด้วยเหตุผลหลายอย่างคือ 1.ราคาไม่ได้แพงมากมาย(เย็นๆ มีเพื่อนตามมาก็หารกันได้) 2.ไม่มั่นใจห้องน้ำห้องท่าที่ศาลเจ้า 3.อากาศช่วงนี้กางเต๊นท์นอนอาจตายได้

ถึงเวลาก็นอนไม่ค่อยหลับอยู่ดีอาจเป็นเพราะว่ามีผู้ชายอื่นนอนด้วย(อุ๊ยยย) ถึงแม้จะแยกเตียงนอนกันหรืออาจจะเพราะว่าแอร์เสียงดังเกินไปธรรมดาเมื่อหัวถึงหมอนไม่เกิน 5 นาทีก็ไปถึงชั้นดาวดึงห์แล้ว ตื่นตามเวลาที่นาฬิกาปลุกตีสี่ตรงทำธุระส่วนตัวแต่งตัวออกไปที่ปล่อยตัว ตามกำหนดปล่อยตัว 5.30 น.พอดีมีผู้หลักผู้ใหญ่ของจังหวัดมากันหลายคนจะไม่ให้พูดอะไรเลยมันคงไม่ใช่จัดไปยาวๆ ได้พูดถ้วนหน้ากว่าจะปล่อยตัวได้ก็ 5.50 น.

ระยะทางวิ่งตามประกาศ 12.5 กม.เส้นทางวิ่งขึ้นเนินลงเนินยาวๆ ทางราบไม่ค่อยมีแม้แต่ถนนในหมู่บ้านยังเป็นเนินวิ่งตามความเร็วที่ซ้อม เขาว่าซ้อมมาอย่างไรก็วิ่งได้อย่างนั้นอันนี้จริงครับ ที่ซ้อมคือวิ่งเพจ 5 จะเริ่มเหนื่อยตั้งแต่ กม.ที่ 2 แล้วขนาดทางราบพื้นยางนะ แต่นี่วิ่งออกถนนขึ้นเนินลงเนินเหนื่อยตั้งแต่ กม.แรกแล้ว คิดเอาในใจวันนี้จะรอดมั๊ยเอาเป็นว่าไปแบบนี้เรื่อยๆ ได้แค่ไหนก็แค่นั้นความเร็วคงที่ไปเรื่อยๆ จนถึง กม.ที่ 8 ก็อกสองก็บูสขึ้นมาทำให้เร่งความเร็วขึ้นมาได้เล็กน้อยถึง กม.ที่ 10 รู้สึกว่าอยู่อารมณ์มาราธอนมันก็ออกมาเองก็เลยเร่งความเร็วขึ้นมาได้อีกนิดแล้วก็ถึงเส้นชัยแบบงงๆ นิดนึงไหนบอกว่า 12.5 กม.แต่จาก 10 มา 12.5 ทำไมมันนิดเดียวเอง สิริรวมเวลาไป 1 ชม.กับ 1 นาทีระยะจริงไม่รู้เพราะไม่ได้เอาจีพีเอสไปจับ(มันหนักขี้เกียจถ่วงน้ำหนักตัวเอง)

จะว่าไปเวลาจริงๆ ไม่ได้ดีขึ้นเท่าที่ดู กม.ที่ 8 ก็ปาไป 42 นาทีแล้วเวลารวมเนินแล้วน่าจะเท่าเดิมแต่ถ้าเป็นทางราบก็คงดีขึ้นตามที่ซ้อมมานะแหละ เข้ามาแล้วป้ายหมดแบบตามคนที่ 10 ราวๆ 5 นาที จบกันงานนี้กะว่าไม่มีขาแรงมาที่ไหนได้มันมากองรวมกันอยู่นี่หมด..เฮ้ออออ...ขารองแห้วตามระเบียบ

เก็บความชอกช้ำกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม 7.30 น.ขับรถบึ่งเข้าตัวเมืองระยอง ถึงตัวเมืองระยองแล้วอนิจจาทำไมมันไม่มีป้ายบอกไปกรุงเทพฯ ซักป้ายเลยว่ะ ขับสุ่มไปซักพักก็ไม่มีทางบอกไปกรุงเทพฯ เวรละหยิบมือถือขึ้นมากดจีพีเอสพร้อมเปิดเสียงบอกทาง อื่มมมม ทำไมตูไม่เปิดมันตั้งแต่ทีแรกที่ออกมา ทำเสียเวลาไปพักใหญ่ๆ สุดท้ายก็กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ

ปล.อยากบอกว่าถนนบางนา-ตราด(ใต้ทางด่วนบูรพาวิถี) ปรับปรุงเสร็จ 95% แล้วทำเร็วมากขับสบายไม่ต้องจ่ายตังค์แพง 555

ขอขอบคุณภาพจากนรสิงห์
กาย บูรพาไม่แพ้
9 มีนาคม 2558

วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

8 ก.พ. 2558 เล่าเรื่องงานพันท้ายนรสิงห์ครั้งที่ 16


ตั้งแต่จอมบึงมาราธอนมาก็ไม่ได้ออกงานวิ่งที่ไหนเลยได้แต่ซ้อมไปเรื่อยเปื่อย งานที่จะออกไปถ่ายรูปก็ไม่ได้ไป มีไปงานวิ่งแต่ไม่ได้วิ่งคืองานวิ่งของ บ.บราเธอร์ เพื่อนนักวิ่งด้วยกันวาน(จ้าง)ให้ไปเป็นทีมสตาฟช่วยนู่นนี่นั่นตามสมควร

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2558 ตกลงกันว่าจะไปงานวิ่งที่วัดศาลพันท้ายนรสิงห์ โดยขับรถกันไปแต่เช้ามืดไปสมัครเอาที่หน้างาน งานนี้ตั้งใจไปวิ่งลากอีกครั้งคราวนี้มีความหวังอยู่บ้างดูจากการแบ่งรุ่นบวกกับสถานที่จัดงาน คาดว่าขาแรงๆ จะไปวิ่งที่สะพานพระรามแปดกันหมดงานนี้ก็เลยหวานหมู การซ้อมต่อเนื่องจะทำให้น้องมีความแข็งแกร่งของร่างกายมากขึ้นเหลือแค่สภาพจิตใจว่าจะสู้หรือจะถอย โชคดีที่น้องยอมสู้วิ่งไม่หยุดเลย ที่สุดก็เข้าอันดับที่ 3 ในกลุ่มอายุด้วยเวลา 1 ชม. 8 นาที รับถ้วยแรกของชีวิตไปเชยชม หวังว่าถ้วยใบแรกจะเป็นแรงบันดาลใจให้ตั้งใจซ้อมมากขึ้นเพื่อพัฒนาระดับของตัวเองให้ดียิ่งๆ ขึ้นต่อไป

ส่วนหนึ่งที่อยากไปวิ่งงานนี้มากคือของกิน(555) เขาว่าที่นี่เลี้ยงลอดช่องวัดเจด และหอยทอดที่สุดแสนอร่อย ก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ครับขึ้นชื่อลอดช่องวัดเจดก็อร่อยตามคำร่ำลืออยู่แล้วแต่ที่ต่างจากที่อื่นคือที่นี่กินฟรีไม่มีอั้นครับ แต่เราก็กินเท่าที่กินได้หละครับตักมาเหลือทิ้งมันจะเสียของเสียโอกาสที่จะให้คนอื่นได้กินบ้าง ส่วนหอยทอดก็อร่อย กรอบ ครับ สรุปคือฟินการกินมาก

สรุปภาพรวมของงานคืองานดี ของกินอร่อย (เขาว่าห้องน้ำมีน้ำอุ่นให้ด้วยนะ)

ขอขอบคุณภาพจาก พี่รุจ ชัตเตอร์รันนิ่ง
กาย บูรพาไม่แพ้
9 กุมภาพันธ์ 2558

วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2558

18 ม.ค. 2558 เล่าเรื่องวิ่งจอมบึงมาราธอน ครั้งที่ 30


เป็นอีกหนึ่งตำนานมาราธอนที่จัดมายาวนานถึง 30 ปี ผมมาร่วมงานนี้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ลงวิ่งมาราธอนระยะเต็มทั้ง 2 ครั้ง ครั้งที่แล้วทำเวลาอยู่ที่ 4 ชม. 17 นาทีตอนนั้นดีที่สุดตั้งแต่วิ่งมา สำหรับปีนี้เดินทางมาคนเดียวพร้อมกับกุ้งย่าง+น้ำจิ้ม 1 โถใหญ่ไปหาข้าวเหนียวข้างหน้ากับพี่ๆ ที่เดินทางมาก่อนแล้ว การเดินทางใช้เส้นทางที่ใกล้ที่สุดคือขึ้นทางด่วนบางนา ไปลงยมราช แล้วขึ้นสะพานพระราม 8 ต่อคู่ขนานลอยฟ้าบรมชนนี ลงคู่ขนานมามีงานก่อสร้างถนนและสะพานตลอดทางมีรถติดเป็นพักๆ ตั้งแต่พุทธมณฑล สาย 4 จนสุดเมืองนครปฐมเลยใช้เวลาประมาณ 2 ชม.ครึ่ง (ออกเดินทางบ่ายโมงครึ่งถึงจอมบึงสี่โมงเย็นพอดี) มาช้าต้องรีบหาที่จอดรถเดี๋ยวจะไม่มีที่ให้จอดพยายามหาที่จอดที่ใกล้จุดกางเต๊นท์และใกล้จุดปล่อยตัวที่สุดคือริมสระน้ำ(ที่เดิมเมื่อปีที่แล้ว) ที่จอดรถริมทางนั้นแน่นหมดแต่พอดีเหลือบเห็นในบริเวณบ้านพักครูมีที่พอจะจอดได้อยู่ก็เลยเข้าไปจอดแบบไม่ได้ขออนุญาตซึ่งเข้าใจเอาเองว่าสถานการณ์แบบนี้อาจารย์คงจะไม่ว่าอะไร 555 จอดรถเสร็จจองที่กางเต๊นท์เสร็จก็ไปรับเบอร์รับเสื้อซึ่งใช้เวลาไม่นานรวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม

พี่ๆ ที่มาก่อนไปจองที่พักไว้อีกที่ซึ่งไกลจุดปล่อยตัวค่อนข้างมาก (คิดถูกแล้วที่ไม่ย้ายไปรวม) แต่ก็ต้องหิ้วกุ้งย่างกับน้ำจิ้มไปเพื่อไปหาข้าวเหนียวกินความอร่อยก็บังเกิด อิ่มจนไม่ได้แตะอาหารที่ทางงานจัดเลี้ยงเลยแม้แต่คำเดียว อากาศข้างนอกค่อนข้างเย็นรีบอาบน้ำก่อนจะค่ำ เดินช็อปปิ้งนิดหน่อยของขายเยอะยังกับตลาดนัดงานนี้รวมแม่ค้าพ่อค้างานวิ่งเกือบจะทุกเจ้าเลยแต่ละเจ้านี่จัดเต็ม กระเป๋าฉีกไปประมาณ 300 กว่าบาท 555 (ร้านเยอะของเยอะแต่มีแต่ของเดิมๆ นะแหละ) สุดท้ายเข้านอนราวๆ 3 ทุ่ม ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตีสองครึ่ง

เข้าถุงนอนในเต๊นท์ก็อุ่นดีอยากนอนยาวถึงเช้าแต่ก็ต้องตื่นก่อนเวลาเพราะว่าเต๊นท์ข้างๆ ตื่นแล้ว(สงสัยพี่แกจะตื่นเต้นนอนไม่ค่อยหลับมั้ง) ก็เลยต้องตื่นตามแต่ยังนอนเล่นอยู่รอถึงเวลานาฬิกาปลุก หลับๆ ตื่นๆ ไปราวๆ ครึ่ง ชม.ได้ ลุกออกไปทำภารกิจให้เสร็จสรรพเรียบร้อยก่อนห้องน้ำจะไม่ว่าง แต่ขอบอกข้างนอกเต๊นท์เย็นชิบบบบบบ เลยเสร็จแล้วต้องรีบกลับเข้ามาขลุกในเต๊นท์ทันที แต่งตัวเก็บของบางส่วนไปไว้ในรถแต่เต๊นท์ยังไม่เก็บกะว่าสายๆ ให้แดดเลียน้ำค้างก่อนค่อยเก็บ

วอร์มอัพร่างกายตั้งตีสามครึ่ง(ปล่อยตัวตีสี่) มีเวลายืดเต็มที่เอามันทุกท่าที่คิดได้ โดยเฉพาะที่เข่าซ้ายที่คิดว่าถ้าไม่จบปัญหามันน่าจะมาจากจุดนี้จึงได้ใส่เครื่องป้องกันเข่าไว้หลวมๆ ปล่อยตัวความตั้งใจในวันนี้คือวิ่งเพจ 6 ไปเรื่อยๆ 30 กม.แรกแล้วเร่งเพจ 5 ช่วง 12 กม.สุดท้าย ตลอดการวิ่งไม่ค่อยเป็นไปตามแผนซักเท่าไหร่ วิ่งตามใจตัวเองบ้าง วิ่งเกาะคนอื่นบ้าง ทั้งไล่ทั้งหนี แต่ความเร็วจะอยู่ในช่วงเพจ 5-6 ขึ้นๆ ลงๆ สวนทางกับกลุ่มแรกที่กลับตัวแล้วที่ กม.20 ดูเวลาแล้ว 1 ชม. 50 นาที ก็ไม่ช้าไม่เร็วเกินไป ตลอดเส้นทางมีนักเรียน ชาวบ้าน ออกมาให้กำลังใจเป็นระยะๆ หลวงพ่อคอยรดน้ำมนต์ให้ 2-3 จุด สนุกสนาน รู้สึกประทับในความร่วมมือไม้ร่วมมือกันมันเหมือนกับเป็นวัฒนธรรมเป็นงานประเพณีประจำถิ่นของชาวจอมบึงทุกคน ผู้ใช้รถใช้ถนนก็ให้ความร่วมมือดีไม่ขับรถเร็วไม่บีบแตรและจอดรอให้นักวิ่งผ่านไปก่อน

ถึงจุดกลับตัวที่ กม. 23.5 ณ จุดนี้คิดว่าถ้าวิ่งคนเดียวตามใจตัวเองก็คงไม่รอดต้องมองหาคนเกาะที่ไม่เร็วมาก และแล้วก็มีนักวิ่งญี่ปุ่นคนหนึ่งวิ่งมาเกาะข้างหลังไม่ได้รู้จักกันแต่เจอตามงานวิ่งบ่อยๆ เอาว่ะ ญี่ปุ่นก็ญี่ปุ่นลองดูซักตั้ง ก็เลยวิ่งเกาะคู่กันไปวิ่งไปพร้อมๆ กันไม่ได้เกาะหลัง ถึงจุดให้น้ำพี่แกแวะกินน้ำซักพักก็ตามขึ้นมาวิ่งคู่กันอีก วิ่งกันเร็วพอสมควรน่าจะราวๆ เพจ 5 ต้นๆ ระหว่างนี้แซงมาเป็นร้อย จนถึง กม.38 รวมระยะที่วิ่งคู่กันก็ราวๆ 15 กม.พากันมาไกลมาก หัวเข่าซ้ายเริ่มมีอาการตึงขึ้นมาจึงลดความเร็วลงมาให้พี่แกสาดไปคนเดียวดุ่มๆ กม.40 อาการเริ่มหนักเหลือแค่ 2 กม.เอาแค่ประคองก็น่าจะรอดแต่ก็ยังต่ำกว่าเพจ 6 อยู่นิดหน่อย จนมองเห็นนาฬิกาที่เส้นชัยอยู่ไวๆ เห็นลางๆ 04:03 ตกใจต้องรีบจ้ำไม่สนเรื่องเข่าเจ็บแล้ว มาจบที่ 04:04 นิดๆ เร็วกว่าปีที่แล้ว 13 นาที

พอหยุดวิ่งเท่านั้นแหละเดินแทบไม่ได้กินก็แทบไม่อยากกินทั้งที่ของกินเยอะแบบไม่มีอั้นก็ยังกินได้แค่น้ำมะพร้าว 1 แก้ว ก๋วยเตี๋ยวหมู 1 ชามแค่นั้นหนาวก็หนาวต้องออกไปกินกลางแดดกินไปยืดไปกว่าจะเขยกไปเก็บเต๊นท์ อาบน้ำได้ก็นานเลย หลังจากเก็บอะไรเรียบร้อยแล้วก็ไปเดินดูบรรยายกาศคนที่เขาเข้ามาทีหลังบ้าง ช็อปปิ้งบ้างได้กางเกงตัวละ 99 บาทรีบเอาเลยตอนเห็นนึกว่าตัวละ 300 ร้อยขึ้นต้องถามแม่ค้าย้ำๆ ว่าตัวเท่าไหร่แน่

แล้วถึงเวลากลับ ออกจากงานมาราวๆ เกือบๆ 11 โมงแวะกินกาแฟ น้ำที่ปั๊ม ปตท.แล้วก็วิ่งยาวถึงบ้านรวดเดียวเลย ถึงบ้านเกือบๆ บ่ายโมง ระยะทางไป-กลับ 300 กม. +- 5 น้ำมันยังไม่ครึ่งถัง(ตอนไปเติมไว้เต็ม) แปลว่าถังนี้น่าจะได้เกิน 600 กม.มันคืออัตราสิ้นเปลืองไปแตะ 18 กม.ต่อลิตรอีกครั้ง


กาย บูรพาไม่แพ้
19 มกราคม 2558

วันจันทร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2558

11 ม.ค. 2558 เล่าเรื่องวิ่ง ภปร.มินิ-ฮาล์ฟมาราธอน ครั้งที่ 17


วันที่ 11 มกราคม 2558 ร่วมงานวิ่ง ภปร.ราชวิทยาลัย มินิ-ฮาล์ฟมาราธอน งานนี้มาวิ่งมินิ 14 กม.แบบช้าที่สุดละชีวิตนี้ ความจริงคือ 1.ไม่ต้องการวิ่งเร็ว 2.ไม่ต้องการวิ่งไกล เนื่องจากก่อนหน้านี้ 1 วัน (10 มกราคม 2558) ได้ซ้อมทางยาว 28 กม.มาแล้วกลัวว่าจะเจ็บก่อนจอมบึงมาราธอน จุดประสงค์ที่มาวิ่งวันนี้ก็เพื่อลาก (วิ่งเป็นเพื่อน) ให้น้องผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งปกติเธอจะวิ่งไกลสุดแค่ 10 กม.นิดๆ แบบวิ่งๆ หยุดๆ ไม่เป็นสเต็ปของตัวเอง ดูจากการซ้อมของเธอล่าสุดเมื่อ 2-3 วันก่อนเธอลากยาวๆ ได้ 8 กม.คิดว่าวันนี้ถ้าวิ่งสเต็ปคงที่ก็น่าจะลากยาวๆ ได้เกิน 12 กม.แน่นอน

อากาศวันนี้เป็นใจก่อนปล่อยตัวอยู่ราว 17-18 องศา เย็นเลยที่เดียวเส้นทางสบายที่บรรยากาศที่วิ่งผ่านสวนผลไม้ สวนผัก ทำให้เย็นขึ้นไปอีกนิด แต่ไม่สบายที่เท้าจากพื้นถนนเป็นซีเมนต์เสียส่วนใหญ่ ไม่ได้วิ่งไกลเหมือนฮาล์ฟจึงไม่มีผลมากนัก

วิ่งเรื่อยๆ เพจ 6-7 ตลอดเส้นทางมีเผลอเร็วบ้างบางจังหวะเข้าเส้นชัยด้วยเวลา 1 ชม.ครึ่งกว่าๆ ผลจากการวิ่งครั้งคือโทรศัพท์หน้าจอดับจากเหงื่อเข้าเครื่องปกติจะเอาถุงพลาสติกห่อเครื่องก่อนแต่วันนี้คิดว่าวิ่งช้าและไม่ไกลเลยไม่ได้ห่อจึงเกิดการผิดพลาดอย่างแรง

อาหารการกินวันนี้อุดมสมบูรณ์มากถึงคนจะมาร่วมวิ่งมากแต่ของกินก็ไม่หมดซักทีบางคนวน 2-3 รอบแล้วก็ยังเหลือ ได้กินจริงๆ ไม่กี่อย่าง ก๋วยเตี๋ยวหมูอร่อยมากไม่ได้ถามมาจากร้านไหนผ่านไปอีกจะได้แวะไปอุดหนุน มะพร้าวอ่อนกองเท่าภูเขาย่อมๆ กินกันไม่หวาดไม่ไหวสุดท้ายก็ให้ขนกลับบ้านคนละ 5 ลูก 10 ลูก (พี่จะเอาไปขายหรือไปแจก) โชคดีที่เราไม่ใช่คนโลภก็เลยได้กินแค่ลูกเดียว

ก่อนกลับก็รอลุ้นจับฉลากแบบไม่มีความหวังสุดท้ายไม่มีความหวังจริงๆ เป็นคนไม่มีดวงนี้เลย



ขอขอบคุณภาพจาก พี่เตือน
กาย บูรพาไม่แพ้
13 มกราคม 2558